คนปลูกไม้ยาตำบลพญาเม็งราย สร้างนักพฤกษศาสตร์ชุมชน

นักพฤกษศาสตร์ หรือ Botanist มีความสำคัญมากแต่เหมือนกับว่าคนไทยให้ความสนใจเส้นทางนี้ไม่มาก ได้ฟังการสนทนาของนักวิชาการสายนี้เล่าว่า เมืองไทยมีนักพฤกษศาสตร์ตัวจริงเสียงจริงไม่เกิน 20 คน ทั้ง ๆ ที่นักพฤกษศาสตร์จำเป็นอย่างยิ่งต่อโลกของเรา เช่น การศึกษาค้นคว้าวิจัยเกี่ยวกับชีววิทยาของพืช ไปจนถึงสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ที่มีความเกี่ยวข้องกับพืช ความหลากหลายของพืช และศึกษาพืชที่นำมาเป็นอาหาร ยา หรือใช้ประโยชน์อื่น ๆ อีกมากมาย สิ่งที่นักพฤกษศาสตร์มีบทบาทสำคัญอีกประการคือ การ ช่วยจำแนกจัดหมวดหมู่พืชหรือที่เรียกว่า อนุกรมวิธานของพืช ให้ถูกต้องใครจะศึกษาวิจัยก็ทำได้ถูกต้อง ใครพบพืชพันธุ์ใหม่ ๆ ก็จัดระบบวงศ์วานว่านเครือพืชได้ด้วย และยังมีบทบาทอื่น ๆ อีกมากมาย

นักพฤกษศาสตร์สำคัญแล้ว การมีสวนพฤกษศาสตร์ยิ่งสำคัญด้วย ในระดับโลกเขาลงทุนและต้องยกให้สวนพฤกษศาสตร์หลวงเมืองคิว (Royal Botanic Gardens, Kew) หรือเรียกกันติดปากสั้น ๆ สวนคิว (Kew Gardens) ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ในไทยก็มีสวนพฤกษศาสตร์ที่สำคัญ เช่น สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ (Queen Sirikit Botanic Garden) ที่เชียงใหม่ และอุทยานธรรมชาติวิทยาสิรีรุกขชาติ ตั้งอยู่ที่มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา จ.นครปฐม ซึ่งได้รับการรับรองให้เป็น สวนพฤกษศาสตร์ที่มีมาตรฐานระดับสากลทีเดียว

เมื่อมีนักพฤกษศาสตร์ระดับมืออาชีพแล้ว จำเป็นต้องมี นักพฤกษศาสตร์ชุมชน ที่บ่มเพาะฝีกฝนความรู้พื้นฐานความด้านพฤกษศาสตร์ที่ใกล้ชิดกับภูมินิเวศและภูมิปัญญาท้องถิ่น มูลนิธิสุขภาพไทยซึ่งได้การสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ตระหนักถึงสุขภาพองค์รวมและระบบสุขภาพชุมชนที่พึ่งพิงกับฐานทรัพยากรชุมชน จึงอบรม(เบื้องต้น)สร้างนักพฤกษศาสตร์ชุมชน 12 พื้นที่ใน 5 จังหวัด ให้มีความรู้ด้านพฤกษศาสตร์ เช่น สำรวจ ศึกษา อนุรักษ์ ใช้ประโยชน์ และจัดการทรัพยากรพืชให้เชื่อมโยงกับภูมิปัญญาท้องถิ่น เช่น อาหารพื้นบ้าน ยาสมุนไพร เป็นต้น เพื่อการสร้างเสริมสุขภาพของชุมชน โดยชุมชน

ตัวอย่างที่ตำบลพญาเม็งราย จ.เชียงราย พื้นที่นี้เคยมีหมอเมือง (หมอพื้นบ้านล้านนา) แต่ปัจจุบันแทบจะไม่เหลือ แต่เมือสำรวจความรู้ในครัวเรือนกลับยังพบภูมิปัญญาทั้งอาหารและสมุนไพร จนสามารถจัดพิมพ์เป็นหนังสือ “ยาป้อด ยาก้อม” หรือสมุนไพรที่ใช้พึ่งตนเองหลายสิบตำรับ และเมื่อขับเคลื่อนงานแบบสร้างหุ้นส่วนการพัฒนา อดีตรองนายกเทศมนตรี แพทย์แผนไทย์จากโรงพยาบาลพญาเม็งราย อาสาสมัครสาธารณสุข อดีตข้าราชการครู พระสงฆ์ ฯลฯ ก็มาร่วมกัน สำรวจต้นไม้ และล่าสุดในวันเข้าพรรษาก็ถือโอกาสทำบุญด้วยต้นไม้ จัดพิธีทอดผ้าป่าสมุนไพร ณ วัดม่อนป่ายาง บ้านสันติธรรม เพื่อการอนุรักษ์ ปลูกและใช้สมุนไพรในชุมชน และให้วัดเป็นแหล่งเรียนรู้สมุนไพร

สมุนไพรที่นำมาปลูกต้นฤดูฝนนี้ เป็นไม้ยามาจากการสำรวจของนักพฤกษศาสตร์ชุมชน พบความต้องการใช้ตามองค์ความรู้ดั้งเดิมและเป็นพืชที่หาได้ยากในชุมชนต้องการปลูกเพิ่ม สมุนไพร 4 ชนิดที่ชาวบ้านระดมมาปลูกที่วัด อย่างละ 20-50 ต้น เพราะมีความต้องการมาก ได้แก่ ฝางเสน มะขามป้อม สมอไทย และต้นไม้หอมบุนนาค สมุนไพรอื่น ๆ ก็มี เช่น กำลังช้างสาร สบู่เลือด ต้นผีเสื้อน้อยหรือคนทีสอ รางจืด(ดอกแดง) ฯลฯ ผ้าป่าสมุนไพรครั้งนี้นำเอาพืชหัว ที่ดูเหมือนเป็นสมุนไพรทั่วไป ทำไมต้องนำมาปลูกขยายพันธุ์ เช่น ขมิ้นและไพล ซึ่งสำคัญตอบโจทย์ผู้สูงอายุในชุมชน

คำเฉลย คือ ช่วยบรรเทาอาการปวดเข่าของผู้สูงอายุ โดยเมื่อนักพฤกษศาสตร์ชุมชนเรียนรู้พืชเชื่อมโยงกับภูมิปัญญาการใช้ประโยชน์ก็พบว่า สูตรยาพอกเข่าบรรเทาอาการปวดเข่าของแพทย์แผนไทยโรงพยาบาลเม็งรายนั้น ปรุงสูตรยาจากสมุนไพรที่หาได้ในชุมชน 5 ชนิด ได้แก่ ขมิ้น ไพล หญ้าเอ็นยืด เหงือกปลาหมอ เสลดพังพอน(ตัวเมีย) ชาวบ้านจึงเห็นความสำคัญนำเอาขมิ้นและไพลมาขยายพันธุ์ที่วัด ส่วนสมุนไพรชนิดอื่นก็ช่วยกันปลูกตามรอบรั้วบ้านตนเอง เมื่อจะนำมาปรุงยาสมุนไพรแก้ปวดเข่า ก็สามารถนำสมุนไพร 5 ชนิดแบบสด อย่างละเท่า ๆ กัน มาตำให้แหลกและผสมการบูร พิมเสน เล็กน้อย นำมาพอกที่เข่าแล้วหาผ้ามาพันไว้ หรือมีการปรับประยุกต์นำเอาพลาสติกห่ออาหารมาพันยาสมุนไพรไว้ก็ได้

สูตรยาพอกสมุนไพรนี้ได้รับความร่วมมือจากโรงพยาบาลพญาเม็งรายนำเอาตำรับยารูปแบบผงมาผสมน้ำให้ใช้สะดวกมาบริการให้กับชาวบ้านช่วงเดือนมีนาคมถึงเมษายนที่ผ่านมา โดยแพทย์แผนไทยร่วมกับอาสาสมัครและนักพฤกษศาสตร์ชุมชนช่วยกันคัดกรองชาวบ้าน 216 คน มีอาการปวดเข่า 134 คน อาการปวดอื่น ๆ เช่น ปวดไหล่ ปวดหลัง ฯลฯ 82 คน สำหรับการพอกยาสมุนไพรทำการประเมินผลหลังพอก 20-30 นาที พบว่าร้อยละ 100 พอใจ แต่การบรรเทาอาการปวดในรายไม่รุนแรงถึงปานกลางพบว่าจะต้องทำการพอกยาสัปดาห์ละ 2- 3 ครั้ง ต่อเนื่องสัก 2 สัปดาห์ ถึงได้ผลดี

ตัวอย่างประสบการณ์ของคนพญาเม็งราย นายโรจน์ อินต๊ะใจ อายุ 73 ปี ปวดเข่าข้างขวา นั่งกับพื้นไม่ได้ เมื่อได้โอกาสมารับบริการสุขภาพชุมชน รวม 4 ครั้งช่วง 2 สัปดาห์ช่วยให้สามารถนั่งพับเพียบได้ พอจะลุกได้เองโดยไม่ต้องพยุงหรือมีอุปกรณ์ช่วย เป็นความสุขใจของทั้งผู้ให้บริการและรับบริการ ที่ไม่ต้องใช้ทุนทรัพย์มากมาย เป็นระบบสุขภาพชุมชนที่พึ่งพากันเองได้

นักพฤกษศาสตร์ชุมชนตำบลพญาเม็งราย นอกจากสร้างสุขภาพกายและใจแล้ว กำลังสร้างสุขภาพสังคมด้วยการรวมกลุ่มกันปลูกและพัฒนาพืชเครื่องแกงล้านนาสไตล์ เน้นสุขภาพและสร้างรายได้ช่วยลดความเหลื่อล้ำทางเศรษฐกิจในชุมชนด้วย.

https://www.thefest.com/Images/acetoto888/ https://www.thefest.com/Images/acegaming888/ https://www.thefest.com/Images/plazaslot/
slot thailand