นับเอาปีใหม่ไทยเถลิงศกสงกรานต์ ฉ่ำ ๆ ทั้งน้ำและเนื้อ(สาระ) ตามวิถีวัฒนธรรมทำบุญใส่บาตร สืบสานความสำคัญของครอบครัวและผู้สูงอายุ พร้อมรับพรและตั้งจิตอธิษฐานให้มุ่งมั่นตั้งความปรารถนาในการทำสิ่งดีงามให้กับตนเอง ครอบครัวและชุมชนกันถ้วนหน้า ขอฝากเรื่องราวเป็นแรงบันดาลใจกับปีใหม่ไทย
ที่ตำบลจอมศรี อำเภอเพ็ญ จังหวัดอุดรธานี มีเรื่องราวที่คนในตำบลร่วมกันมุ่งมั่นนำภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านสุขภาพมาหนุนนำทำตำบล “เวล-บีอิง (well-being)” ให้คนมีสุขภาพดีมีความสุข มีป่าและต้นไม้ยาร่มรื่นและใช้ทำอาหารและยาสมุนไพร และมีความสามัคคีของหมอยาพื้นบ้าน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) โรงเรียนและที่สำคัญยิ่งมีองค์การบริหารส่วนตำบล (อบฅ.) จอมศรีมาร่วมพัฒนาเป็นตำบลสร้างเสริมสุขภาพ เมื่อคนร่วมกันคิด ร่วมกันทำ เพื่อคนในชุมชนก็มักจะมีนวัตกรรมดี ๆ เกิดขึ้นเพื่อคนในชุมชน ขอยกเป็นตัวอย่าง 2 ประการ
1.นำเอาวิธีการสมัยใหม่มาปรับใช้ความรู้ดั้งเดิมด้วยกลวิธี การจัดการความรู้ หรือ Knowledge Management: KM รวมหมอพื้นบ้านและปราชญ์ในตำบลได้สัก 10 กว่าคน รวมแพทย์แผนไทย ล้อมวงทำงานด้วยกันหลายเดือนได้ชุดความรู้ตำรับยาพื้นบ้านกับการดูแลสุขภาพโรค 5 กลุ่มอาการ ได้แก่ ระบบทางเดินอาหาร ระบบไหลเวียนโลหิต ระบบกล้ามเนื้อและเส้นเอ็น ระบบไข้ และระบบผิวหนัง นอกจากนี้ยังสำรวจความจำเป็นสุขภาพ (health needs) ของเด็กนักเรียน พบว่าปัญหาหนักหน่วงที่ใกล้ตัวทั้งนักเรียน ครู ผู้ปกครอง คือเหา มีกิจกรรมกำจัดเหา มีสมุนไพรบวบขมและน้อยหน่าในท้องถิ่นปราบเรียบได้
ที่น่าตื่นเต้นคือ เมื่อจัดการความรู้แล้ว เครือข่ายภูมิปัญญาตำบลจอมศรีจัดบริการพึ่งตนเองในชุมชน โดยอิงรากฐานวัฒนธรรมอีสานอันงดงาม ที่มีงานบุญประเพณีที่เรียกว่าฮีตสิบสอง คลองสิบสี่ ในทุก ๆ เดือน จะจัดกองคาราวานหมุนเวียนไปตามวัดเพื่อบริการยาต้ม โดยเลือกใช้ตำรับยาที่จัดการความรู้ตอบสนอง health needs ของชาวบ้าน จึงเลือก 2 ตำรับยาต้มเกี่ยวกับอาการทางเดินอาหารและกล้ามเนื้อ/เส้นเอ็น หรือแก้อาการปวดเมื่อยตามเนื้อตัวซึ่งเป็นที่ชื่นชอบตอบโจทย์ชาวบ้านอย่างดี ตัวอย่างตำรับแก้ปวดเมื่อยของนายสิงห์ บรรเทาโฮม ใช้ทองพันชั่ง มะตูมอ่อน โด่ไม่รู้ล้ม โคคลาน เถาวัลย์เปรียง เถาเอ็นอ่อน และสมุนไพรอื่น ๆ ในถิ่นอีสานเพิ่มเข้ามาแล้วนำมาต้มน้ำ ดื่มอุ่น ๆ ใช้แก้ปวดเส้นเอ็น คลายกล้ามเนื้อ ซึ่งยังมีความต้องการของสังคมเกษตรและวิถีในตำบล
2.นำเอาหลักคิด “สุขภาพดีไม่มีขาย” การพึ่งตนเองในครัวเรือนยังจำเป็นอันดับต้น ๆ และในเวลาเดียวกันที่สังคมออนไลน์ที่เต็มไปด้วยความรู้สมุนไพรที่น่าเชื่อถือและมั่วนิ่มมากมาย ชาวตำบลจอมศรีจึงลุกขึ้นมาสำรวจความรู้และการใช้สมุนไพรในแต่ละหมู่บ้านทุกหลังคาเรือน ไม่ได้ตั้งใจแข่งกับสำนักงานสถิติแห่งชาติหรือสำนักงานสาธารณสุข แต่เพราะชาวบ้านสนใจใคร่รู้สถานะสุขภาพด้านสมุนไพรของตนเอง ในตำบลจอมศรี มีทั้งหมด 17 หมู่บ้าน 2,542 หลังคาเรือน ในขณะนี้เก็บข้อมูลได้ 13 (ยังหมู่บ้านขาดอีก 4 หมู่บ้าน) ดังนั้นเวลานี้สำรวจไว้ 1,888 หลังคาเรือน พบข้อมูลเบื้องต้นที่น่าสนใจว่า ร้อย 29.60 หรือ เกือบ 1 ใน 3 ของครัวเรือน ( 559 หลังคาเรือน) ยังมีความรู้และใช้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพตนเองที่สืบทอดมาจากรุ่นสู่รุ่นอยู่จริง กลุ่มอาการที่มีการใช้สมุนไพรมากที่สุด คือแก้อาการเกี่ยวกับโรคผิวหนัง เช่น ผดผื่น ผื่นคัน บาดแผล เป็นต้น
ตำรับยาหรือตัวยาก็ใช้สมุนไพรใกล้ตัว ตัวอย่างที่ชุมชนอื่นจะนำไปใช้บ้างก็ไม่หวงห้าม เช่น อาการผดผื่น คัน ใช้ขมิ้น ฝนใส่น้ำเล็กน้อยคั้นเอาเฉพาะน้ำทา บางบ้านใช้ขมิ้นฝนน้ำแล้วผสมเกลือ และยังบีบน้ำมะนาวเล็กน้อย นำน้ำยามาทาบาง ๆ แก้ผดผื่น แผลพุพอง น้ำร้อนลวก ยังเชื่อมั่นว่านหางจระเข้ นำมาปอกเปลือก ล้างน้ำให้สะอาด แล้วทาน้ำเมือกหรือนำวุ้นใส ๆ มาทาบริเวณแผล ให้ทาบ่อย ๆ จนความร้อนที่โดนลวกทุเลาลง แผลสด ยังคงใช้ความรู้ดั้งเดิมที่รู้จักกันในพื้นบ้านไทยและในหลายประเทศ นั่นคือ เป็นวัชพืชทีบางคนอาจไม่ชอบแต่คือยาดีแก้แผล นั่นคือ สาบเสือ นำใบสดมาล้างน้ำแล้วบดขยี้ใบให้ละเอียด ใส่ที่แผล นอกจากนี้ในชุมชนจอมศรียังใช้ใบเทียนกิ่ง คนอีสานเรียกว่า ต้นกาว นำใบมาล้างน้ำสะอาด แล้วนำมาขยี้หรือตำแล้วมาใส่ที่แผลจะช่วยผสานหรือสมานแผลได้ดีด้วย
ความรู้ดูแลตนเองลำดับรองลงมา ไม่ใช่อาการแปลกประหลาด ยืนยันได้ว่าสมุนไพรใช้แก้อาการโรคพื้นฐานได้นั่นคือ อาการท้องอืดท้องเฟ้อ ชาวบ้านนำสมุนไพรในครัว ข่า ตะไคร้ ขิง นำหั่นเป็นแว่น ๆ อย่างละ เท่า ๆ กัน ต้มกินแทนน้ำจนกว่าอาการจะดีขึ้น บางครอบครัวเติมใบเตยลงไปด้วย เพิ่มรสชาติและสรรพคุณ บางครอบครัวที่มีอาการทำนองจุกเสียดแน่นท้อง จะใช้ขมิ้น รากส่องฟ้าและกะเพรา ต้มน้ำกินแทนน้ำเมื่อมีอาการ นับเป็นความรู้ใกล้ตัวที่ยังมีชีวิตชีวาตอบโจทย์ชุมชนได้อย่างดี
ที่จริงยังมีนวัตกรรมจากตำบลจอมศรีอย่างน้อยอีก 2 ประการ เช่น การจัดตั้งศูนย์ดูแลสุขภาพโดยหมอพื้นบ้านที่ได้รับการสนับสนุนจาก อบต.และ รพ.สต.ที่หาได้ยากในตำบลอื่น และการปลูกรักษาแหล่งพันธุกรรมสมุนไพรเพื่อความมั่นคงอาหารและยาในตำบล จะนำมาเล่าสร้างแรงบันดาลใจให้ตำบลอื่น ๆ เป็นเครือข่ายตำบลภูมิปัญญาเพื่อการสร้างเสริมสุขภาพกันนะ.