กระต่ายจาม สุดยอดเครื่องแกง ยาดม พืชทนดินเค็ม

กระต่ายจาม หรือเรียกกันได้อีกชื่อว่า พริกกระต่าย เป็นพืชพื้นเมืองที่ชาวภาคตะวันออก โดยเฉพาะชาวจันทบุรีและตราดรู้จักและซาบซึ้งถึงรสชาติอย่างดี รสแกงป่าแห่งถิ่นภาคตะวันออกโดดเด่นเฉพาะตัวด้วยผสมพริกกระต่าย ซึ่งนับเป็นสมุนไพรเครื่องเทศชนิดหนึ่งเมื่อผสมปรุงในแกงจะดับกลิ่นคาวเนื้อสัตว์ และเพิ่มรสแซ่บและกลิ่นฉุนเฉพาะตัวเพิ่มรสอาหารจานเด็ด คนภาคตะวันออกจะเรียนรู้เก็บทั้งต้นกระต่ายจามในช่วงฤดูร้อนขณะที่ดอกบานแล้ว นำมาล้างทำความสะอาดอย่างทะนุถนอม ผึ่งลมให้แห้งสนิทแล้วเก็บไว้ใช้

กระต่ายจาม เป็นพืชในสกุล Adenosma ปัจจุบันพบแล้วทั่วโลก 22 ชนิด พบในประเทศไทยถึง 7 ชนิด ได้แก่ 1) หญ้าข้าวก่ำ (Adenosma glutinosa (L.) Druce) 2) ห้อมกระต่าย (Adenosma debilis Bonati) 3) ขนำชาวไร่ (Adenosma elsholtzioides T.Yamaz.) 4) โทงเทง (Adenosma hirsuta (Miq.) Kurz) 5) กระต่ายจาม (Adenosma indiana (Lour.) Merr.) 6) ข้าวก่ำนอน (Adenosma javanica (Blume) Koord.) 7) ห้อมกระต่ายสั้น (Adenosma microcephala Hook.f.) แต่ทั้ง 7 ชนิดมีลักษณะค่อนข้างคล้ายกัน การแยกแยะต้องใช้ความชำนาญพอควร

แม้ว่าพบได้ง่ายในแถบภาคตะวันออก แต่กระต่ายจามหรือพริกกระต่ายก็กระจายพันธุ์ในทุกภาคของไทยเช่นกัน จึงมีชื่อเรียกท้องถิ่นหลายชื่อ เช่น เช่น กระต่ายจาม (ภาคตะวันตกเฉียงใต้ เพชรบุรี) การบูรป่า (ทั่วไป) ข้าวคำ ข้าวก่ำ พริกกระต่าย (ภาคตะวันออกเฉียงใต้ ชลบุรี) โซเซ ข้าวก่ำ (ภาคตะวันออก) ชื่อสามัญในภาษาอังกฤษเรียกว่า Headed-flower Adenosma, Indian scent-wort และจำแนกตามหลักสากลมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Adenosma indiana (Lour.) Merr. อยู่ในวงศ์เทียนเกล็ดหอย (Plantaginaceae)
ลักษณะต้นกระต่ายจามหรือพริกกระต่าย เป็นไม้ล้มลุก มีขนทั่วทั้งต้น ใบเดี่ยวเรียงทั้งตรงข้ามและเรียงเป็นวงรอบ รูปไข่หรือรูปขอบขนาน ช่อดอกรูปทรงกลมหรือทรงกระบอก ช่อดอกกลม ด้วยลักษณะพืชทั้งต้นกลิ่นฉุนแรงคล้ายการบูร อาจจะเป็นที่มาของชื่อเรียกเพราะมีกลิ่นฉุนมากจนกระต่ายจาม ส่วนของดอกออกตามง่ามใบและปลายยอด ดอกเล็ก มีจำนวนมาก เรียงเป็นวงซ้อนกันแน่นรอบแกนช่อ กลีบดอกสีน้ำเงินหรือม่วง โคนติดกันเป็นหลอดยาว ปลายเป็นรูปปากเปิดขนาดไม่เท่ากัน เกสรเพศผู้ 4 อัน ติดอยู่ที่โคนหลอดกลีบดอก ผลรูปไข่ เมล็ดรูปไข่ ขนาดเล็กมาก กระต่ายจามชอบขึ้นทั่วไปในที่โล่ง บนพื้นที่ใกล้ระดับน้ำทะเลไปจนถึงสูงได้ประมาณ 360 เมตร และพบได้ในจีน อินเดีย ศรีลังกา พม่า ภูมิภาคอินโดจีน และภูมิภาคมาเลเซียด้วย

การใช้ประโยชน์ทางยาสมุนไพร พบว่าในตำรับยาพื้นบ้านล้านนาหรือภาคเหนือของไทย นำกระต่ายจามทั้งต้นหรือทั้งห้า มีรสจืดเย็น นำมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยาแก้ลมวิงเวียน มึนศีรษะ ในประเทศเวียดนามมีการใช้คล้ายในไทย เช่น นำทั้งต้นมาต้มดื่มแก้อาการวิงเวียน มึนศีรษะ แก้ช้ำใน แก้โลหิตคลั่ง นอกจากนี้ชาวเวียดนามใช้กระต่ายจามอย่างแพร่หลายในประโยชน์อื่น ๆ เช่น แก้ไข้ ปวดตา วิงเวียนศีรษะ ขับน้ำดี ขับเหงื่อ ขับปัสสาวะ แก้อาการอาหารไม่ย่อย บำรุงกระเพาะอาหาร และบำรุงกำลัง และยังพบรายงานการศึกษาจากประเทศเวียดนามว่าส่วนเหนือพื้นดินของกระต่ายจามมีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียด้วย

ในกลุ่มเพื่อนบ้านติดกับไทย ทั้งเวียดนาม กัมพูชาและลาว แนะนำให้กินอาหารปรุงด้วยพริกกระต่าย ถือเป็นอาหารบำรุงกำลังสำหรับสตรีหลังคลอดบุตรที่อาจกินอาหารไม่ค่อยได้ อาหารรสเครื่องเทศและกลิ่นหอมคล้ายการบูรจึงช่วยแม่ลูกอ่อนได้อย่างดี

ศาสตร์อายุรเวทของอินเดียก็มีการนำพริกกระต่ายมาเป็นหนึ่งในสมุนไพรผสมในเครื่องประกอบยารักษาโรคหลายชนิด เช่น ลดไข้ กระตุ้นให้มีความอยากอาหาร กระตุ้นให้มีการผลิตน้ำดีและปล่อยน้ำดีเข้าสู่ลำไส้เล็ก ใช้รักษาอาการโคลิก (ร้องไห้ไม่หยุด) ขับปัสสาวะ รักษาตับอักเสบ ดีซ่าน ภาวะที่ปัสสาวะน้อยกว่าปกติ และใช้แก้ติดเชื้อแบคทีเรีย เป็นต้น ในประเทศจีนก็มีการนำพริกกระต่ายใช้สรรพคุณคล้ายกัน ได้แก่ แก้โรคหวัด ไข้ ปวดศีรษะ ระบบย่อยอาหารไม่ดี ลำไส้อักเสบ และปวดท้อง และใช้เป็นยาภายนอกแก้โรคผิวหนังอักเสบ

น่าเสียดายที่เวลานี้จำนวนประชากรกระต่ายจามในธรรมชาติลดลงอย่างมาก การขยายพื้นที่ทำการเกษตรเชิงเดี่ยว และปัญหาทางด้านกฎหมายที่ต้องนำที่ดินมาใช้ประโยชน์เพื่อลดการเสียภาษี ทำให้ต้องถากถางวัชพืชและไม้ล้มลุกที่คิดว่าไร้ค่าออกไปให้สิ้น เพื่อปลูกกล้วย มะนาว หรือพืชที่แสดงตัวว่าใช้ที่ดินทางการเกษตร สถานการณ์เช่นนี้กวาดพืชสมุนไพรหลายชนิดจำพวกไม้ล้มลุก หญ้าและวัชพืชสิ้นซาก

แต่กระต่ายจามเหมือนมีความพิเศษพอจะเอาตัวรอด มีคนสังเกตและพบว่ากระต่ายจามสามารถเติบโตเพิ่มขึ้นในพื้นที่ดินเค็ม ต่อมาในปี พ.ศ. 2565 มหาวิทยาลัยมหาสารคามรายงานวิจัยพบว่ากระต่ายจามเป็นพืชที่ทนเค็มได้ดี และพบจุดเด่นอีกว่าการเจริญในที่ดินเค็มทำให้มีสารสำคัญ เช่น น้ำมันหอมระเหยเพิ่มมากขึ้น ซึ่งน้ำมันหอมระเหยนี้ให้สรรพคุณสมุนไพรที่รู้จักกันว่า เป็นสารประกอบอินทรีย์ระเหยง่าย (VOCs) และมีคุณสมบัติต้านการอักเสบและต้านจุลินทรีย์ กระต่ายจามจึงน่าจะเป็นสมุนไพรที่ส่งเสริมให้ปลูกในพื้นที่ดินเค็ม และเก็บเกี่ยวใช้ประโยชน์เพิ่มมูลค่าที่ดีได้

น่าตื่นเต้นที่ด้วยมนุษย์เรามองเห็นศักยภาพของกระต่ายจาม ซึ่งปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI (Artificial Intelligence) ยังมองไม่เห็น ที่ชุมชนชาวบ้านบางแห่งใน จ.ยะลา พบต้นกระต่ายจามขึ้น เมื่อดมกลิ่นจากน้ำมันหอมระเหยคล้ายกลิ่นการบูรจึงนำมาพัฒนาผลิตภัณฑ์ยาดม กลิ่นชื่นชอบกันดี

กระต่ายจามหรือพริกกระต่าย โดดเด่นในเมนูอาหาร สรรพคุณสมุนไพรหลากหลาย และก้าวสู่ผลิตภัณฑ์ร่วมสมัย ที่ต้องร่วมมือกันเร่งด่วนอนุรักษ์ ฟื้นฟู ปลูกขยายพันธุ์อย่าเห็นเป็นวัชพืชไร้ค่า.

https://www.thefest.com/Images/acetoto888/ https://www.thefest.com/Images/acegaming888/ https://www.thefest.com/Images/plazaslot/
slot thailand