ผักแมะ หรือบางที่เรียก ผักแหมะ เป็นพืชที่มีพี่น้องวงศ์วานที่คนไทยรู้จักกัน เช่น มะระและฟักข้าว อยู่ในสกุล Momordica ทั่วโลกมีทั้งสิ้น 52 ชนิด แต่พบในไทยเพียง 3 ชนิด ได้แก่ มะระและมะระขี้นก (Momordica charantia L.) ฟักข้าว (Momordica cochinchinensis (Lour.) Spreng.) และผักแมะหรือผักแหมะ (Momordica subangulata Blume) เท่านั้นเอง
ในเมื่อมะระและฟักข้าว เป็นพืชล้มลุกแบบไม้เถา ผักแมะ ญาติกันก็เป็นไม้ล้มลุกกึ่งเถาเลื้อย เถายาว 1–3 เมตร มีหัวใต้ดิน ใบจัก 3–5 แฉกตื้น ๆ หรือเรียบ รูปไข่ ยาวได้ถึง 20 เซนติเมตร ปลายแหลมหรือแหลมยาว โคนรูปหัวใจ ขอบจักฟันเลื่อย ปลายขอบจักมีติ่ง ก้านใบยาว 2–6 เซนติเมตร ดอกสีเหลืองขนาดเล็กประมาณ 1.5 เซนติเมตร คล้ายดอกบวบแต่เล็กกว่าออกจากข้อ ผลทรงรี มีหนามเล็กน้อยที่ผิวผล ผลดิบสีเขียวเมื่อสุกสีส้ม ผักแมะมีชื่อสามัญในภาษาอังกฤษว่า Wild bitter gourd มีถิ่นกำเนิดกระจายอยู่ใน อัสสัม อินเดีย บังคลาเทศ จีน หิมาลายาตะวันออก อินโดนีเซีย คาบสมุทรมาลายา ลาว เมียนมาร์ ไทย เวียดนาม
หากมองในทางวิชาการ ผักแมะหรือผักแหมะ มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Momordica subangulata Blume แต่ในฐานข้อมูลของสวนพฤกษศาสตร์หลวง เมืองคิว ยังไม่มีการแยกออกเป็นชนิดย่อย หรือเรียกว่า subspecies แต่เอกสารจากอินเดียและไทยมีการแยกผักแมะออกเป็น 2 ชนิดย่อย ได้แก่ Momordica subangulata Blume subsp. renigera (Wall. ex G.Don) W.J.de Wilde และ Momordica subangulata Blume subsp. subangulata (ชื่อเรียกภาษาไทยยังคงเรียก ผักแมะ)
ตามหาและตามมาดูชนิดย่อย เริ่มจากผักแมะชนิด Momordica subangulata Blume subsp. renigera (Wall. ex G.Don) W.J.de Wilde พบมากทางภาคเหนือ ในฐานข้อมูลของหอพรรรไม้กรมป่าไม้ กล่าวไว้ว่าเป็นไม้เลื้อยยาว 2–3 เมตร มีหัวใต้ดิน แผ่นใบไม่เป็นแฉกหรือหยักลึก 3–5 แฉก ดอกเพศผู้ก้านช่อดอกยาว ใบประดับยาว 20 – 40 มิลลิเมตร ด้านในมักเป็นสะเก็ด ก้านช่อดอกยาว 5–12 มิลลิเมตร กลีบเลี้ยงยาว 10–15 มิลลิเมตร กลีบดอกยาว 15–20 มิลลิเมตร ดอกเพศเมียมีก้านช่อดอกและก้านช่อดอก ผลรูปไข่ ปลายกลีบแคบลงเป็นปากยาว มีขนหนาแน่นสีน้ำตาลอ่อน มีตุ่มแบนหรือสันนูนเรียบเรียงเป็นแถวยาว (บางครั้งไม่ชัดเจน) เมล็ดมีลักษณะค่อนข้างกลม ขอบเรียบหรือตุ่มนูนเป็นคลื่น
ผักแมะชนิดย่อย Momordica subangulata Blume subsp. subangulata พบมากทางภาคใต้ ในฐานข้อมูลของหอพรรณไม้ กรมป่าไม้ อธิบายลักษณะว่า เป็นไม้เลื้อยยาว 1–2 เมตร ส่วนใหญ่เป็นไม้ล้มลุกไม่เกินปี แต่บางต้นอาจข้ามปีได้ แผ่นใบไม่เป็นแฉกหรือตื้น 3–5 แฉก ดอกเพศผู้มีก้านช่อดอกยาว ใบประดับยาว ด้านในเกลี้ยงหรือมีขน ก้านช่อดอกยาว 3–5 มิลลิเมตร กลีบเลี้ยง 3–5 มิลลิเมตร มนหรือหยัก กลีบดอกยาว 20–30มิลลิเมตร ดอกเพศเมียก้านช่อดอกและก้านดอก ยาว 3–10 มิลิเมตร กลีบเลี้ยงยาวประมาณ 4 มิลลิเมตร กลีบดอกรูปขอบขนานแกมรูปไข่ ยาว 20–25 มิลลิเมตร ปลายกลีบป้าน ผลรูปรีแกมรูปรี ยาว 3–5 เซนติเมตร ปลายกลีบมีขนอ่อนหรือขนละเอียด และมีสันหยักตามยาว 8–10 สัน ไม่สม่ำเสมอ ก้านผลยาว เมล็ดค่อนข้างยุบตัว ขอบหยักตื้น ไม่เป็นรูปสลัก
กล่าวโดยสรุปหลังจากให้เห็นลักษณะละเอียดได้ว่า ผักแมะภาคเหนือมีผลเล็กกว่าผักแมะภาคใต้และผิวของผลของผักแมะภาคเหนือมีขน แต่ผลผักแมะภาคใต้มีผิวเกลี้ยง อย่างไรก็ตามเคยพบเห็นผักแมะที่ไม่มีขน มีจำหน่ายเป็นจำนวนมากที่ตลาดสดเมืองน่าน แสดงว่าผักแมะทั้ง 2 ชนิดย่อยน่าจะกระจายตัวได้ทั้งภาคเหนือและใต้
ข้อน่าสังเกตเมื่อค้นคว้างานวิจัยพบว่า ไม่ปรากฏการศึกษาเกี่ยวกับผักแมะชนิดย่อย Momordica subangulata Blume subsp. subangulata แต่บทความวิชาการเกือบทั้งหมดเป็นการศึกษาชนิดย่อย Momordica subangulata subsp. renigera
ประโยชน์ด้านสมุนไพรนั้น ทางการแพทย์พื้นบ้านนำส่วนต่าง ๆ ของผักแมะมาใช้ประโยชน์ โดยเฉพาะการใช้ประโยชน์จากชนิดย่อย Momordica subangulata subsp. renigera ในประเทศจีนมีรายงานว่าใช้ในบรรเทาเบาหวานและแก้ไข้ หากเทียบเคียงการใช้ผลมะระขี้นกที่กินเป็นอาหารหรือปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ใช้ช่วยลดน้ำตาลในเลือดและใช้ลดไข้ด้วยนั้น ผักแมะและมะระขี้นกเป็นพืชในวงศ์เดียวกันก็น่ามีส่วนที่จะใช้ประโยชน์ได้คล้าย ๆ กัน
ผักแมะยังมีประสบการณ์การใช้ช่วยย่อยอาหาร และยังนำมาใช้เกี่ยวกับโรคต่าง ๆ ด้วย โดยการนำผล ใบ และรากมาใช้ เพราะผักแมะมีสรรพคุณต้านการอักเสบ ต้านไวรัส และต้านแบคทีเรีย ที่เป็นเช่นนี้เพราะผักแมะมีส่วนประกอบของสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพหลายชนิด เช่น ฟลาโวนอยด์ อัลคาลอยด์ และไกลโคไซด์ นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยที่แสดงให้เห็นว่าผักแมะชนิดย่อย Momordica subangulata subsp. renigera ที่นำสารสกัดมาทดสอบพบว่าสามารถยับยั้งการเติบโตของเซลล์มะเร็งบางชนิดและแสดงฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งอาจนำไปสู่การพัฒนายาหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชนิดใหม่ อย่างไรก็ตามยังจำเป็นต้องศึกษาวิจัยเพิ่มเติมถึงความปลอดภัยและประสิทธิผลทางการแพทย์ต่อไป
ผักแมะหรือผักแหมะ เป็นผักที่เราไม่คุ้นเคยแล้ว ยังน่ากังวลยิ่งขึ้นว่าผักแมะชนิดย่อยทั้ง 2 ชนิดในไทยนั้นกำลังเผชิญภัยคุกคามจากการไถที่ทำลายถิ่นอาศัย เห็นเป็นพืชล้มลุกคิดว่าเป็น “วัชพืช” ไร้ประโยชน์ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทำให้ประชากรผักแมะลดลงอย่างรวดเร็ว แต่ยังไม่มีอะไรสายเกินแก้ไข มาช่วยกันตามหา อนุรักษ์ ปลูกเพิ่ม สร้างความมั่นคงด้านความหลากหลายทางชีวภาพ ส่งผลต่อความมั่นคงทางยาและอาหาร และเร่งการสนับสนุนการวิจัยเพื่อนำมาใช้ประโยชน์อย่างร่วมสมัยต่อไป.