ไผ่จืด “สรรพคุณไม่จืด”

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ไผ่จืด หรือ “หญ้าไผ่” เป็นสมุนไพรที่ไม่ใช่ ไผ่ เพียงแต่ลักษณะคล้าย ๆ ไผ่ คนไทยมักตั้งชื่อยืมคำที่คุ้นเคยมาใช้จึงเรียกว่า ไผ่จืด ซึ่งที่จัดอยู่ในสกุล Pogonatherum แต่ไผ่ที่เราเห็นกันทั่วไปนั้น จัดอยู่ในสกุลพืช Bambusa หรือ Dendrocalamus หรืออาจอยู่ในสกุลอื่น ๆ ที่อยู่ในวงศ์ Poaceae มีวงศ์ย่อยคือ Bambusoideae

ไผ่จืดต้นนี้สืบค้นในฐานข้อมูลของสวนพฤกษศาสตร์หลวง เมืองคิว ประเทศอังกฤษ พบว่าพืชในสกุลนี้มีเพียง 4 ชนิด คือ 1) Pogonatherum biaristatum S.L.Chen & G.Y.Sheng พบเฉพาะที่เกาะไหหลำ 2) Pogonatherum crinitum (Thunb.) Kunth พบกระจายในหลายประเทศรวมทั้งประเทศไทยด้วย 3) Pogonatherum paniceum (Lam.) Hack.พบกระจายในหลายประเทศรวมทั้งประเทศไทยด้วยเช่นกัน และ 4) Pogonatherum rufobarbatum Griff. พบเฉพาะที่รัฐอัสสัมของอินเดีย

น่าตื่นเต้นทีเดียว 2 ใน 4 ชนิด พบได้ในประเทศไทย ชวนมาทำความรู้จักต้นแรก ไผ่จืดชนิด Pogonatherum crinitum (Thunb.) Kunth ชื่อสามัญในภาษาอังกฤษว่า Bamboo grass มีชื่อท้องถิ่น เช่น หญ้าไผ่หยอง (ตราด) หญ้ายูง (เชียงใหม่) ไผ่น้อย ไผ่จืด (อีสาน) จัดเป็นไม้ล้มลุกที่มีอายุหลายปี ลำต้นเป็นกอแน่น บริเวณข้อมีขนยาว ใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปรีหรือรูปใบหอก ปลายแหลม โคนมน ช่อดอกแบบช่อ ช่อดอกย่อยมีขนาดเล็กเกิดเป็นคู่ ผลแห้งเมล็ดล่อน เมล็ดมีขนาดเล็ก มีถิ่นกำเนิดจากเอเชียเขตร้อน พบกระจายทั่วไปในอาฟกานิสถาน ภูฏาน จีน อินเดีย อินโดนีเซีย ลาว มาเลเซีย พม่า เนปาล ปากีสถาน ศรีลังกา ไทย เวียดนาม ซาอุดิอาระเบีย ออสเตรเลีย นิยมปลูกเป็นหญ้าอาหารสัตว์ทั่วโลก ในประเทศไทยพบมากในภาคอีสาน ตามภูเขาบริเวณที่มีความชื้นสูง ๆ

ชนิดที่สอง ไผ่จืดชนิด Pogonatherum paniceum (Lam.) Hack. ทางราชการเรียกว่า หญ้าไผ่หรือไผ่จืด มีชื่อสามัญในภาษาอังกฤษว่า Bamboo grass เช่นเดียวกับชนิดแรก พบมากทางภาคเหนือของไทย พบในที่ชื้นแฉะ ริมฝั่งแม่น้ำ ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ลำต้นตั้งตรงที่โคนต้น สูง 30–60 ซม. เส้นผ่านศูนย์กลาง 1–2 มม. แข็งและไม่แตกกิ่งก้านในส่วนล่าง แต่แตกแขนงเป็นกลุ่มหนาแน่นทางด้านบนของกิ่งหลัก กาบใบเกลี้ยงหรือมีขนอ่อน แผ่นใบแข็ง มีเกล็ด ปลายใบแหลม ช่อดอกยาว 1.3–3 ซม. (ไม่รวมขนอ่อน) สีเหลือง ก้านใบและก้านดอกยาวประมาณ 1/2 ของช่อดอก ขนสีขาวนวล ช่อดอกเล็กไม่มีก้าน ช่อดอกเล็ก ดอกและผล ออกในช่วง มีนาคมถึงตุลาคม

ส่องลึกพินิจพิเคราะห์พอจะสรุปความแตกต่างได้ว่า รูปร่างและลักษณะการเจริญเติบโต ไม่เหมือนกัน ชนิด Pogonatherum crinitum มีการเจริญเติบโตแบบแผ่ราบและแผ่เป็นแผ่น ในขณะที่ Pogonatherum paniceum เจริญเป็นกอแน่นเป็นพุ่ม สำหรับความสูงของลำต้นอาจจะแยกกันยากเพราะสูงได้พอ ๆ แต่ที่ต่างกันชัด ๆ อีกประการอยู่ที่ ชนิด Pogonatherum crinitum พบได้ในพื้นที่ชื้นแฉะและเต็มไปด้วยหินและชายฝั่งของเอเชีย ในเมืองไทยมีรายงานว่าพบมากในแถบภูเขาที่เมืองเลย ขณะที่ชนิดPogonatherum paniceum พบได้บ่อยในพื้นที่กึ่งเขตร้อนและเขตร้อนของเอเชีย เช่น จีน อินเดีย และเวียดนาม ในเมืองไทยมีรายงานว่าพบในภาคเหนือ แต่จะจำแนกให้เห็นความต่างกันอย่างไร ภูมิปัญญาท้องถิ่นของหมอยาพื้นบ้านผู้ชำนาญใช้สมุนไพรนั้น จะนำทั้ง 2 ชนิดนี้มาใช้ทดแทนกันได้เลย

ไผ่จืด ทั้งต้นมีรสจืด ในรายการบัญชียาหลักแห่งชาติด้านสมุนไพร ไผ่จืดใช้ในตำรับยาเป็นยาบำรุงโลหิต นายขาว เฉียบแหลม หมอพื้นบ้านจังหวัดขอนแก่นและท่านได้รับเลือกเป็นหมอไทยดีเด่นแห่งชาติ ปี 2561 ด้วยนั้น ท่านมีตำรับยาโดดเด่นใช้ไผ่จืดเข้ายาเรียกน้ำนม ประกอบด้วย ไผ่จืดทั้งต้น แก่นช้างน้าว (Ochna integerrima (Lour.) Merr.) เถานมวัว (Uvaria dulcis Dunal) รากเล็บเยี่ยว (Ziziphus oenopolia (L.) Mill.) แก่นฝางแดง (Biancaea sappan (L.) Tod.) แก่นสีหวด (Lepisanthes rubiginosa (Roxb.) Leenh.) รากตับเต่า (Neonauclea sessilifolia (Roxb.) Merr.) รากรุ่นไร่ (Erythroxylum cambodianum Pierre) เถาหมากแตก (Celastrus paniculatus Willd.) ตำรับนี้เรียกน้ำนมได้อย่างดี แพทย์หญิงประจำโรงพยาบาลในพื้นที่หลังคลอดบุตรยังกินยาตำรับหมอขาวช่วยเพิ่มน้ำนมเลี้ยงลูกน้อยด้วย ข้อห้ามเมื่อกินยา ห้ามแม่ลูกอ่อนกินเนื้อหนู กระต่าย กระรอก กระแต พังพอน และผักชะอม

สำหรับคนทั่วไปปลูกไผ่จืดเอาไว้หน้าบ้าน นำมาต้มกินแก้ไข้ทับระดูหรือปวดประจำเดือนได้ และยังเป็นสมุนไพรแก้ยาสั่ง (ยาพิษ) ด้วย ประสบการณ์ในเขตปราจีนบุรีที่ได้ชื่อว่าเป็นดงของยาสั่ง และหมอยาพื้นบ้านเมืองเลย เช่น ตาเพ็ง สุขบัว ใช้ไผ่จืดแก้หรือล้างการถูกยาสั่งด้วย หมอยาอีสานหลายท่านก็ใช้ไผ่จืดในลักษณะเดียวกัน หมอพื้นบ้านใช้ไผ่จืดเป็นยาแก้ผิดกรรม (หญิงที่อยู่ไฟไม่ได้) ช่วยขับน้ำคาวปลาทำให้มดลูกเข้าอู่ดี หรือหญิงที่คลอดลูกใหม่ ๆ ที่กิน ของผิด ของแสลง ให้เอามาทั้งต้นมาต้มกิน ผู้หญิงที่เลือดไม่ดี ให้นำทั้งต้นและรากมาต้มกินก็จะช่วยบำรุงเลือดอีกด้วย

ไผ่จืดทั้งต้นสดหรือตากแห้ง 1 กำมือ ใส่น้ำท่วมยาต้มเดือด น้ำยาสีเหลืองมีกลิ่นหอมคล้ายกลิ่นน้ำมะตูม ดื่มอุ่น ๆ ทั้งวันแก้ร้อนใน ขับปัสสาวะ ลดเบาหวาน แก้อาการบวมน้ำ แก้กระหาย แก้อาการแพ้ต่าง ๆ ขับสารพิษจากร่างกาย แก้อาการคนเมาค้าง ชาไผ่จืดแต่งน้ำตาลทรายแดงลงไปเล็กน้อยได้เพื่อเพิ่มรสชาติ ดื่มแล้วช่วยให้สดชื่นกระชุ่มกระชวย

งานวิจัยจำนวนมากที่ศึกษาถึงไผ่จืดทั้ง 2 ชนิด เช่น ในปี ค.ศ. 2015 จีนศึกษาไผ่จืด ชนิด Pogonatherum crinitum สามารถลดพิษจากสารตะกั่วและที่ดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ ในปี ค.ศ. 2025 หมาด ๆ เนปาล ศึกษาไผ่จืดมีคุณสมบัติต้านเชื้อแบคทีเรีย ต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันโรคเบาหวาน และเซลล์ที่ถูกพิษจะดีขึ้น ในไทยปี 2024 มหาวิทยาลัยพะเยา ศึกษาสารสกัดจากไผ่จืด ชนิด Pogonatherum paniceum ทำให้อัตราการรอดชีวิตของเซลล์มะเร็งลำไส้ชนิด HT29 ลดลง 50% ที่เวลา 48 ชั่วโมง

ภูมิปัญญาดั้งเดิมและการศึกษาใหม่ ๆ ที่สอดคลองกัน ไผ่จืดมีสรรพคุณหลายชนิด แต่ที่คนไทยกำลังเผชิญกับสารเคมีอันตรายทางการเกษตร ขยะอุตสาหกรรม และกรณีโลหะหนักเช่น สารหนู และตะกั่ว ปนเปื้อนในแหล่งน้ำ ไผ่จืดเป็นสมุนไพรทางเลือกทางรอดที่ไม่ควรมองข้าม

ไผ่จืดปลูกประดับประจำบ้านและเป็นสมุนไพรใกล้ตัวแล้ว ต้องช่วยกันรักษาป่าธรรมชาติให้ไผ่จืดทั้ง 2 ชนิดในไทยไปลดหายไปด้วย.

https://www.thefest.com/Images/acetoto888/ https://www.thefest.com/Images/acegaming888/ https://www.thefest.com/Images/plazaslot/
slot thailand