ขี้ตุ่น จีนสนใจแต่ไทยมองเป็นวัชพืช !

ขี้ตุ่นเป็นพืชสมุนไพรที่น่าสนใจอีกชนิดหนึ่ง แม้ชื่อเรียกดูไม่น่าอภิรมย์ เพราะมีผลหรือลูกคล้ายมูล (ขี้)ของตัวตุ่น จึงตั้งชื่อให้เช่นนี้ ในพื้นที่อีสานตอนบนเรียกว่า ปอขี้ไก่ ภาคเหนือเรียกว่า หญ้าหางอ้นหรือป่าเหี้ยวหมอง ทางตะวันออกเรียกว่า เข้ากี่น้อย ภาคใต้เรียกว่า ยำแย่ เป็นต้น

ในทางพฤกษศาสตร์ ขี้ตุ่น เป็นสมุนไพรที่อยู่ในสกุล Helicteres ข้อมูลระดับโลกอ้างอิงจากสวนพฤกษศาสตร์หลวง เมืองคิว ประเทศอังกฤษ รายงานว่ามีสมาชิกในสกุลนี้ถึง 74 ชนิด แต่พบในเมืองไทยเพียง 7 ชนิด ได้แก่ 1) ขี้ตุ่น (Helicteres angustifolia L.) 2) ขี้อ้น (Helicteres elongata Wall. ex Mast.) 3) ปอเต่าไห้หรือขี้ตุ่นใหญ่ (Helicteres hirsuta Lour.) 4) ปอบิด (Helicteres isora L.) 5) ขี้อ้น (Helicteres lanata (Teijsm. & Binn.) Kurz) 6) ดีงู (Helicteres lanceolata A.DC และ 7) ปอขี้อ้น (Helicteres viscida Blume)

ดังนั้น ขี้ตุ่นชนิด ที่ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Helicteres angustifolia L. มีลักษณะเป็นไม้พุ่ม สูง 1–3 เมตร มีขนรูปดาวหนาแน่นตามกิ่ง แผ่นใบด้านล่าง ก้านใบ ช่อดอก ก้านดอก กลีบเลี้ยงด้านนอก และผล ใบรูปรีถึงรูปใบหอก ปลายแหลมยาว โคนมนหรือกลม ขอบเรียบ เส้นโคนใบข้างละ 1 เส้น เส้นแขนงใบย่อยแบบขั้นบันไดและแบบร่างแห ช่อดอกกระจุกสั้น ๆ ผลรูปทรงกระบอก ยาว 1–3 เซนติเมตร

ในตำรับยาพื้นบ้านหรือตำรับยาไทย พบการใช้หลายตำรับ เช่น ยาระบาย นำเอา รากขี้ตุ่น (Helicteres angustifolia L.) มาผสมกับรากตูมขาว (Strychnos nux-blanda A.W.Hill) รากชะมวง (Garcinia cowa Roxb. ex Choisy) และลำต้นกำแพงเจ็ดชั้น (Salacia chinensis L.) ต้มน้ำดื่ม

ตำรับยาอีสานมีหลายตำรับใช้กับหลากหลายอาการโรค เช่น การใช้แก้กาง (แผลในปาก) ยาแก้โม้ (คุดทะราด) กินผิด นิ่ว ดีซ่าน หนองใน ไอ ฯลฯ ขอยกตัวอย่างสัก 4 ตำรับ ได้แก่

ยารักษากางหรือแก้แผลในปาก ยาให้เอา เปลือกแหน (Terminalia glaucifolia Craib) เปลือกขี้ดังช้าง (ยังจำแนกชื่อวิทยาศาสตร์ไม่ได้) เปลือกดู่ (Pterocarpus macrocarpus Kurz) เปลือกหัวลิง (Hymenocardia punctata Wall. ex Lindl.) ฮากขี้ตุ่น (Helicteres angustifolia L.) เปลือกแกบ้าน (Combretum quadrangulare Kurz) หนามตาล (Borassus flabellifer L.) เอาส่วนเท่ากันต้มเคี่ยวใส่เกลือพอประมาณ กินดีแล แก้กางเลือด (แผลในปากที่มีเลือดออกร่วมด้วย)

ยารักษานิ่ว (ตำรับยาของพ่อจำลอง มะณีบู่ จังหวัดสกลนคร) ใช้แก่นอีฮุม (Moringa oleifera Lam.) เยาแดง (Jatropha gossypiifolia L.) รากบักนัด (Ananas comosus (L.) Merr.) รากเกด (Pandanus odorifer (Forssk.) Kuntze) ลูกใต้ใบ (Phyllanthus amarus Schumach. & Thonn.) แพวน้ำ (Persicaria odorata (Lour.) Soják) มะเฟือง (Averrhoa carambola L.) งวงตาล (ช่อดอกตัวผู้) (Borassus flabellifer L.) เอื้อง (Hellenia speciosa (J.Koenig) S.R.Dutta) ปอขี้ไก่หรือปอขี้ตุ่น ขี้นก (เขยตาย Glycosmis pentaphylla (Retz.) DC.) อย่างละเท่า ๆ กัน ต้มกินต่างน้ำ

ยารักษาหนองใน (ตำรับยาของพ่อทองอ่อน สิทธิไกรพงศ์ จังหวัดขอนแก่นและพ่อฉลาด ศรีจางวาง จังหวัดสกลนคร)ให้เอา รากขี้ตุ่น (Helicteres angustifolia L.) สารส้ม อย่างละเท่ากัน ต้มกิน วันละ 3 เวลา ก่อนอาหาร

ยาแก้ไอ (ตำรับของนายเตียงคำ สุวรรณไตรย์ จังหวัดมุกดาหาร) ใช้รากคิงไฟนกคุ่ม (Elephantopus scaber var. scaber) รากหมากเคี้ยว (Areca catechu L.) รากขาม (Tamarindus indica L.) รากปอขี้ตุ่น (Helicteres angustifolia L.) รากหญ้าขัดมอน (Sida rhombifolia L.) อย่างละเท่า ๆ กัน ต้มดื่มต่างน้ำ

ยารักษาสารพัดโรค (ตำรับยาของหลวงพ่อโกวิทย์ วัดบ้านหนองทุ่ม ต.กู่สันตรัตน์ อ.นาดูน จ.มหาสารคาม) ยาให้เอา ตากวาง (Salacia verrucosa Wight) 4 ส่วน ตาไก้ (Salacia chinensis L.) 4 ส่วน ตานกกด (Ellipanthus tomentosus Kurz) 4 ส่วน ตานา (Glochidion rubrum Blume) 4 ส่วน ขี้หนู (Diospyros borneensis Hiern) 5 ส่วน ขี้ตุ่น (Helicteres angustifolia L.) 5 ส่วน ขี้แฮด (Azima sarmentosa (Blume) Benth. & Hook.f.) 5 ส่วน ขี้เหน (Mitrephora tomentosa Hook.f. & Thomson) 5 ส่วน ขี้เหล็ก (Senna siamea (Lam.) H.S.Irwin & Barneby) 2 ส่วน ต้นบักหม้อ (Ridsdalea wittii (Craib) J.T.Pereira) 5 ส่วน ยาหัวข้อ (Premna herbacea Roxb.) 1 ส่วน นำยาทั้งหมดมาต้มรวมกันดื่มต่างน้ำ ยานี้นิยมตั้งหม้อยาในงานต่าง ๆ บริการให้คนจำนวนมาก เพื่อถือเป็นยาบำรุงร่างกายที่ดี

ที่น่าสนใจมาก พบว่าประเทศจีนเป็นประเทศหนึ่งนำเอาต้นขี้ตุ่นมาใช้เป็นยาสมุนไพรมาอย่างยาวนาน และมีการศึกษาวิจัยออกมาหลายสิบรายการ ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1998 (พ.ศ. 2541) จนถึงปัจจุบัน ทำให้ค้นพบสารสำคัญใหม่ ๆ หลายชนิดที่คุณสมบัติในการต้านการอักเสบ ต้านไวรัส ต้านเนื้องอก ซึ่งทั้งหมดเกี่ยวข้องกับการเสริมระบบภูมิคุ้มกันทั้งสิ้น เช่น งานวิจัย ปี 2019 พบสารพอลิแซคคาร์ไรด์ชนิดใหม่ ที่มีคุณสมบัติในการกระตุ้นให้มีการสร้างภูมิคุ้มกันได้อย่างมาก ค.ศ. 2023 มีงานวิจัยในระดับห้องปฏิบัติการพบว่าสารสกัดจากรากของต้นขี้ตุ่น สามารถหยุดการเจริญของเซลล์มะเร็งปอด

นอกจากนี้ ในปีที่ผ่านมา ค.ศ. 2024 ประเทศจีนวิจัยทำการสกัดสารจากรากของต้นขี้ตุ่นด้วยเอททิลแอลกอฮอล์ พบว่าสารสกัดหยาบนี้สามารถลดน้ำตาลในเลือดหนูได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ภาวะการกินน้ำและอาหารของหนูเป็นปกติ รวมทั้งยังสามารถควบคุมน้ำหนักหนูทดลองได้ด้วย

หันกลับมามองไทย ขี้ตุ่นจัดอยู่ในกลุ่มวัชพืช ! เราก็มีการศึกษาเหมือนกันแต่ศึกษาพืชในสกุลนี้ (Helicteres) เฉพาะการจัดทำด้านอนุกรมวิธานเท่านั้น ยังไม่พบการศึกษาวิจัยประโยชน์ทางยาจากสมุนไพรขี้ตุ่น พอจะค้นหาได้ก็เพียงงานวิจัยจากสถาบันวิจัยพืชไร่และพืชทดแทนพลังงานในปี พ.ศ. 2559 และประโยชน์ดั้งเดิม ต้นขี้ตุ่นนำเปลือกมาใช้ทำเชือกเท่านั้น

ยังไม่สาย ความรู้จากหมอพื้นบ้านและการศึกษาของเพื่อนบ้านสามารถนำมาศึกษาวิจัยต่อยอดได้เสมอ.

https://www.thefest.com/Images/acetoto888/ https://www.thefest.com/Images/acegaming888/ https://www.thefest.com/Images/plazaslot/
slot thailand