ดันร่าง พ.ร.บ.นวดสปาไทยรับอาเซียน เข้มความปลอดภัย

นพ.สุขุม กาญจนพิมาย รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) เปิดเผยว่า สบส.ได้จัดทำแผนยุทธศาสตร์เพื่อเตรียมออกร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) สถานประกอบการเพื่อสุขภาพและสปา พ.ศ. … รองรับการก้าวเข้าสู่ประชาคมเขตเศรษฐกิจอาเซียน(เออีซี) ในปี 2558 และนโยบายเมดิคัล ฮับ ของกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) โดยเบื้องต้นได้ทำการร่างรายละเอียดเสร็จเรียบร้อยแล้วและกำลังอยู่ในกระบวนการพิจารณาของกฤษฎีกาอยู่ สำหรับรายละเอียดในร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวนั้นโดยหลักๆ จะมีการระบุถึงมาตรการความปลอดภัยในการนวดสปา ซึ่งต้องมีการระบุอย่างละเอียดชัดเจนว่าจะมีการนวดลักษณะใดบ้าง อาทิ การนวดรักษา การนวดคลายเส้น การนวดน้ำมัน และการนวดเพื่อความงาม เป็นต้น เพื่อป้องกันการแอบอ้างหากเกิดกรณีผิดพลาดในการนวด

นพ.สุขุม กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ร่างดังกล่าวยังระบุด้วยว่า ร้านนวดสปาจะต้องมีเครื่องช่วยชีวิตและเครื่องปฐมพยาบาลเบื้องต้น เช่น ถังออกซิเจน ถุงน้ำเกลือ เป็นต้น เพื่อใช้ในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน ส่วนสถานที่ในการให้บริการนั้น ร้านนวดสปาทุกแห่งที่จะเปิดให้บริการจะต้องขออนุญาตจากทาง สธ.ก่อน โดย สธ.จะทำการตรวจมาตรฐาน ซึ่งเกณฑ์มาตรฐานจะใกล้เคียงกับการเปิดคลินิก รวมไปถึงการตรวจสอบคุณภาพมาตรฐานอุปกรณ์ที่จะนำมาใช้ด้วย เช่น เตียง ห้อง ระบบไฟ และสภาพแวดล้อม เป็นต้น สำหรับคนที่จะทำการนวดสปาก็ต้องผ่านการฝึกอบรมและมีหนังสือรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการอบรมเท่านั้นจึงจะทำการนวดสปาได้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับชาวต่างชาติที่จะเข้ามาใช้บริการในประเทศไทยเมื่อมีการเปิดเออีซีว่าการนวดสปามีความปลอดภัย

นพ.สุขุม กล่าวต่อไปว่า ทั้งนี้ ในร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวยังระบุถึงการตรวจสอบมาตรฐานของสถานที่ อุปกรณ์เครื่องมือ และผู้ให้บริการนวดสปาด้วยว่า จะต้องมีการตรวจสอบตลอดประมาณ 5-6 เดือนครั้ง หรืออาจจะมากหรือน้อยกว่านั้นขึ้นอยู่กับความเหมาะสม ซึ่งในรายละเอียดดังกล่าวจะมีการพูดกันอีกครั้ง แต่ในเบื้องต้นจะไม่ปล่อยให้ขออนุญาตครั้งเดียวแล้วมีอายุอยู่ได้นานเป็น 10 ปีเหมือนการเปิดคลินิกอีกแล้ว

“ในการตรวจสอบนั้นถึงแม้ว่าครั้งแรกที่ไปขอจะได้รับอนุญาต แต่หากไปตรวจครั้งที่ 2 ทางสถานประกอบการนวดสปาไม่รักษามาตรฐานก็อาจถูกสั่งปิดได้เหมือนกัน ทั้งนี้ในเรื่องการตรวจสอบนั้นจะเป็นในลักษณะที่จะมีการจัดตั้งทีมในแต่ละจังหวัดให้ไปรับผิดชอบในจังหวัดใครจังหวัดมันภายใต้การควบคุมของ สบส.เพื่อให้ได้มาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ ซึ่งคาดว่าน่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้” รองอธิบดี สบส.กล่าว

ที่มา : ASTVผู้จัดการออนไลน์

บทความที่เกี่ยวข้อง