บุญ อุปนันท์ หมอเมืองคู่ชุมชน

วาบความคิดหนึ่งเกิดขึ้นเมื่อมีคนอยากให้ผมพูดถึงเรื่องการดูแลสุขภาพของหมอเมือง หรือหมอพื้นบ้าน ที่บ้านของหมอ ทำให้ผมนึกถึงตอนเด็กๆ พอจำความได้ขนาดที่ผมป่วยผมจะเห็นแม่ผมเอาถุงผ้าสีขาวหม่น ขนาดกระดาษ A4 พับครึ่ง เป็นถุงที่มีหูรูด จะเห็นแม่หยิบกิ่งไม้ รากไม้ ประมาณ 4-5 ชนิด บางกิ่งบางอันก็ใหญ่ขนาดเท่ากับหลอดไฟฟ้า แต่ยาวประมาณคืบ กิ่งรากไม้บางอันเท่ากับปากกา ดินสอ แม่ก็นำมาแช่น้ำประมาณอึดใจ แล้วนำมาฝนกับหินผิวเหมือนกระดาษทราย ขนาดของหินไม่ใหญ่ไม่เล็กพอมือจับ แม่ก็จะเลือกกิ่งนั้น กิ่งนี้ มาฝนกับน้ำแล้วจุ่มในขัน พอได้ประมาณ 1 แก้ว แม่ก็จะให้ผมดื่มเวลามีไข้ทุกครั้ง

พอหายจากไข้แม่ก็จะเอากิ่งไม้รากไม้ผึ่งกับลม แม่บอกว่าอย่าให้โดนแดดเดี๋ยวฤทธิ์ยาจะหาย ถ้าพี่ชาย พี่สาว ไม่สบายจะป่วยเป็นไข้ ปวดหัว ตัวร้อน ปวดท้อง ท้องอืด ท้องเฟ้อ แม่ก็จะนำถุงผ้าถุงเดิมที่แขวนไว้ในห้องครัวมาฝนให้ดื่ม ผมก็เลยได้แต่สงสัยว่าทำไมถุงผ้าอันเดิมรักษาได้ทุกอย่าง

มีช่วงหนึ่งตอนน้องไม่สบาย ผมสังเกตได้ว่าพอเป็นไข้ตัวร้อน แม่บอกว่าต้องฝนให้น้ำยาเป็นสีขาวขุ่น โดยใช้รากไม้ กิ่งไม้ชนิดนี้ แต่พอน้องปวดท้อง ท้องอืด แม่ก็บอกว่าต้องฝนให้น้ำเป็นสีเหลืองโดยใช้รากไม้อีกชนิดหนึ่งแต่มากหน่อย พอเจ็บไข้แบบไม่รู้สาเหตุแม่ก็จะให้ฝนรากไม้ชนิดหนึ่งที่ทำให้น้ำออกมาเป็นสีแดง และให้กินยาแก้กินผิดด้วยซึ่งยานี้น้องของผมไม่ชอบเอาเสียเลย เพราะมีสีดำและเคี้ยวลำบาก แต่แม่บอกให้ผมควบคุมดูแลน้องให้กินยาจนหมด ยื่นเป็นคำขาดด้วย

ตอนที่น้องป่วยหนักรักษาไม่หาย แม่และพ่อสังเกตเห็นว่าน้องเป็นตุ่มใสๆ แผ่ขนาดเท่ากับมือเด็กขึ้นที่เอว แม่บอกให้พี่ชายไปรับอุ้ยดวงซึ่งอยู่อีกหมู่บ้านมาเป่ามารักษาให้น้อง ช่วงที่น้องเป็นไข้เดินไม่ไหวผมต้องไปรับอุ้ยดวงไปรับไปส่งอยู่ 2-3 ครั้ง พอน้องลุกเดินไหวผมต้องปั่นจักรยานไปส่งที่บ้านอุ้ยดวงก็เหนื่อยเอาการอยู่สำหรับเด็ก อุ้ยดวงบอกว่าเป็น”มะเฮงไข่”(งูสวัด) เป็นโรคผิวหนังชนิดหนึ่ง ซึ่งต้องรักษาด้วยวิธีเป่าแล้วดื่มน้ำมนต์จึงจะหาย ซึ่งน้องผมก็เห็นดีด้วยเพราะไปอนามัยหมอจะเช็ดที่ตุ่มจะแสบมากๆ ครอบครัวเราเลยมีวิถีชีวิตกับการดูแลสุขภาพ ถ้าไม่สบายหนักก็ขอให้พ่ออุ้ยมาหาที่บ้าน แต่ถ้าไม่หนักก็ไปหาอุ้ยที่บ้าน ช่วงปีใหม่ สงกรานต์ แม่ต้องให้ผมกับน้องไปดำหัว คาราวะ แม่จะย้ำเสมอว่าอุ้ยดวงเขารักษาเรา พ่อหนานติ๊บเขาเอายาฝนมาให้เรา เราต้องไปขอสุมาไม่งั้นจะไม่ดีกับตัวเรา เวลาป่วยก็จะไม่หายหรือว่าครูของพ่อหมอจะไม่ขลังอีก ทำให้รักษาคนอื่นไม่หาย หลังจากนั้นไม่นานในหมู่บ้านก็มียาลดไข้เด็กซองสีบานเย็น และยาแก้ปวดหัวยาวเข้ามาในหมู่บ้าน ถุงผ้าที่มีรากไม้ กิ่งไม้ ก็หายไปจากหมู่บ้าน

จนมาถึงปี 2537-2539 มีสถานการณ์โรคเอดส์ ผู้คนกลับมาหาหมอพื้นบ้านอีกครั้ง มารักษาทั้งร่างกายและจิตใจ ผมเห็นมียาฝน รากไม้กิ้งไม้ และยาต้มดื่ม ต้มอาบ เห็นพ่อหนานมาสืบชะตา เรียกขวัญ อีกครั้ง ปัจจุบันพ่อหมอยังคงทำหน้าที่ของตัวเอง รวมทั้งหมอบุญ อุปนันท์ ก็เช่นเดียวกัน ยังคงให้การดูแลสุขภาพให้กับคนในชุมชนที่อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ อย่างแข็งขัน.

บทความที่เกี่ยวข้อง