ลำโพง ยาบ้าที่ใช้เป็นยาดีแก้หอบหืด และริดสีดวงจมูก

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

จบไปไม่นาน ละครทีวีข้ามยุคแนวแปลกเรื่องลิขิตแห่งจันทร์  ซึ่งพระเอกเป็นพี่หมอหลวงแผนโบราณประจำราชสำนักที่เก่งฉกาจมาดเท่ทั้งบุ๋นและบู๊  แต่ตัวร้ายสุดๆ ไม่ใช่ใครอื่น กลับเป็นลูกน้องหมอไทยใกล้ตัว ที่เก่งในทางสมุนไพรพิษ ลอบวางยาผู้คนให้ตายอย่างปริศนา กว่าจะสืบจับได้ว่าสมุนไพรพิษชนิดนี้คือ “ลำโพง” ก็ทำให้เหยื่อมีอาการประสาทหลอน ก่อนตายอนาถไปหลายคน ลำโพงจึงกลายเป็นสมุนไพรวายร้ายในสายตาคนดู ทั้งๆที่บทดีของสมุนไพรตัวนี้มีมาก หาใช่มีแต่บทร้ายไม่นะน้องโอปอล(ฮา) บัดนี้ เรามารู้จักบทดีๆ ของสมุนไพรผู้ร้ายตัวนี้กันเถอะ

ลำโพงทั่วไปมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Datura metel Link. แต่ลำโพงชนิดที่มีฤทธิ์แรงทางยา คือ ลำโพงกาสลัก ที่มีชื่อวิทยาศาสตร์สายพันธ์ย่อยว่า Datura metel Linn.var.fastuosa (Bernh.) Safford เหตุที่มีชื่อไทยว่า ลำโพง เพราะลักษณะเด่นของดอกขนาดใหญ่ยาวถึงครึ่งฟุตปากบานเหมือนปากลำโพงโทรโข่งนั่นเอง และส่วนดอกนี่แหละที่คนไทยนิยมใช้เป็นยาดี สำหรับชาวฝรั่งเขามองเอกลักษณ์ของสมุนไพรชนิดนี้ที่ผลของมันที่เหมือนลูกตุ้มหนาม จึงเรียกชื่ออย่างเก๋ไก๋ว่า Green Thorn Apple หรือ “แอปเปิลเขียวหนาม” แต่คนไทยกลับเรียกว่า “มะเขือบ้า” เพราะเป็นพืชพันธุ์ในวงศ์เดียวกับมะเขือ แต่เติมสร้อยคำว่า”บ้า”ลงไปเพื่อเตือนให้ระวังฤทธิ์ร้ายของมันนั่นเอง

สำหรับชาวอีสานบ้านเฮาไม่รู้จักชื่อ ลำโพง แต่ถ้าเอ่ยชื่อมะเขือบ้า ก็แม่นแล้ว แต่ก่อนตามหมู่บ้านมักพบเห็นคนบ้าลำโพง อันเป็นเรื่องปกติวิสัยของสังคมชนบท ซึ่งเป็นที่มาของชื่อมะเขือบ้านั่นแหละ  ชาวฮินดูเองก็นิยมเสพลำโพงในพิธีกรรม จึงมีชื่อลำโพงว่า ฮินดู ดาตูรา(Hindu datura) มหาตมะ คานธี มหาบุรุษของอินเดียเคยกล่าวไว้ในหนังสือ อัตชีวประวัติ  “ข้าพเจ้าทดลองความจริง” ว่า ท่านเคยทดลองสูบลำโพงด้วย สำหรับเมืองไทย ลำโพง กลายเป็นยาบ้าสมุนไพรใกล้มือชาวบ้าน  เพราะเป็นพืชยืนต้นขนาดเล็กสูงแค่ 1-2 เมตร ที่แพร่พันธุ์ง่าย เหมือนวัชพืช หาได้ทั่วไป

กล่าวเฉพาะ “ลำโพงกาสลัก” ที่หมอไทยใช้เป็นยานั้น มีอัตลักษณ์สำคัญ คือ มีลำต้น กิ่งก้าน และดอกสีม่วงเข้ม จนมีฉายาที่รู้กันในหมู่นักเสพลำโพงว่า “มะเขือบ้าดอกดำ” ปกติลำโพงทั่วไปมักมีกลีบดอกขาวชั้นเดียว แต่ชนิดดอกม่วงจะมีกลีบดอกซ้อนกัน 2-3 ชั้นขึ้นไป ยิ่งมีกลีบซ้อนมากชั้นเท่าใดก็ยิ่งมีฤทธิ์ยาแรงมากขึ้นเท่านั้นในทางเภสัชวิทยาพบว่าใบ ยอด และดอกลำโพงกาสลัก มีสารโทรเพนอัลคาลอยด์ (tropane  alkaloids) ที่ออกฤทธิ์ได้แก่ ไฮออสซิน(hyoscine) และ ไฮออสไซอะมีน(hyoscyamine) ซึ่งมีผลข้างเคียงคล้ายยาอะโทรปีน(atropine) ที่ใช้กระตุ้นหัวใจในคนถูกพิษยาฆ่าแมลงและในผู้ป่วยระหว่างผ่าตัด นั่นคือ ปากคอแห้ง กระหายน้ำ กระสับกระส่าย รูม่านตาขยายไม่สู้แสง  ประสาทหลอน เพ้อคล้ายคนวิกลจริต ถ้าเสพมากอาจถึงขั้นโคม่า หมดสติได้เหมือนที่แสดงในละครทีวี  ชาวฝรั่งหลายคนที่นิยมเสพชาชงเมล็ดลำโพง  พร้อมสูบดอกลำโพงเกินขนาดก็เคยมีประวัติถูกหามเข้าโรงพยาบาลด้วยอาการดังกล่าว  แต่ก็ไม่เคยมีประวัติผู้เสียชีวิตเพราะเสพลำโพงเลย

แต่ถ้าใช้ส่วนต่างๆของลำโพงให้ถูกวิธีก็จะเป็นยาดีรักษาโรคได้หลายอย่างที่สำคัญ คือ แก้โรคหอบหืด ริดสีดวงจมูก โพรงจมูกอักเสบหรือไซนัส และโรคทางลมทั้งหลาย  เนื่องจากสารสำคัญในลำโพงมีฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อเรียบของร่างกาย จึงเป็นยาขยายหลอดลม แก้หอบหืด คอตีบ ริดสีดวงจมูก และไซนัสได้ผลดี รูปแบบยาก็ง่ายมากเพียงเอาดอกลำโพงหั่นตากแห้งมวนใบจาก หรือกระดาษสูบอัดควันยาเข้าจมูกพอประมาณอย่าให้ถึงกับมึนเมา ใช้สูบขณะที่จับหอบหืดเมื่อบรรเทาแล้วจึงหยุดสูบทันที กรณีเป็นไซนัสหรือริดสีดวงจมูก สูบวันละ2-3ครั้งหลังอาหาร จนกว่าจะหายหรือไม่เกิน 5 วันให้เว้นยาสัก 3 วัน จึงสูบต่ออีก แต่ถ้าจะทำยาสูบตามต้นตำรับยาในพระคัมภีร์ชวดารแก้โรคลมอันทำให้เกิดริดสีดวงในคอนั้น ท่านมิได้ใช้การมวนยาเส้นใบหรือดอกลำโพงโดยตรง แต่ท่านให้เอาใบลำโพงสด ดีปลี พริกไทย หัวหอมแดง ลูกมะเขือขื่น อย่างละเท่าๆกัน ตำเอาน้ำแล้วชุบกระดาษข่อยผึ่งแดดให้แห้งทำอย่างนี้ 3 หน แล้วมวนสูบรับรองเห็นผลแน่นอนกว่าวิธีแรก และไม่เกิดผลเสียข้างเคียง แต่ถ้าวิธีนี้ยุ่งยากก็ใช้วิธีแรก

ในพระคัมภีร์ชวดารยังกล่าวถึงตำรับยาพอกผสมใบลำโพงใช้แก้โรคลมร้ายลมพิษทั้งปวง ท่านว่า ลมอันใดนิ่งแน่ไปยาอันใดแก้ไม่ได้ ท่านให้เอา ใบลำโพง ผักเสี้ยนผี  ผักเสี้ยนบ้าน และใบละหุ่ง  อย่างละเท่าๆ กัน ตำละเอียด พอกตัวผู้ไข้ตั้งแต่สะดือไปจนถึงหน้าอก ถ้าให้ได้ผลชะงัดต้องเอาพริกไทย รากเจตมูลเพลิงแดง ข่า อย่างละเท่าๆ กันและพริกเทศ ปริมาณ 3 เท่า ตำพอกฝ่าเท้า และเอาหอมแดง  หัวไพลสด และมะกรูด 3 ผล ตำพอกกระหม่อม ถ้าจะช่วยให้ผู้ไข้ฟื้นเร็วขึ้น ก็ต้องเผาเหล็กนาบให้ร้อนแดงนำไปอังให้ชิดอย่าให้ถึงยา แล้วเอาปากกัดเข้าที่ศีรษะแม่เท้า(หัวนิ้วโป้งเท้า ฮา)ให้หนักๆ ถ้าร้องโอยแล้วมิเป็นไร หายแล

เนื่องจากลำโพงมีสารออกฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อเรียบหรือฤทธิ์แก้ทางลมเหมือนกัญชา จึงช่วยระงับปวดเรื้อรัง  แก้อาการปวดเกร็งในกระเพาะ  ลำไส้ และมดลูก หรืออาการปวดเมื่อยทั่วร่างกายได้ดี คนที่ทำงานหลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดินทุกวันอย่างชาวไร่ ชาวนา  แต่ก่อนจึงนิยมเสพลำโพงเป็นอาจิณเพื่อคลายความเมื่อยล้า นอนหลับสบาย แพทย์แผนโบราณท่านมีตำรับยาผสมลำโพงช่วยกล่อมให้ทารกหายโยเยนอนหลับไม่สะดุ้ง  แม้ลำโพงจะมีโทษมากแต่ถ้ารู้จักใช้ก็ปลอดภัยกว่ายาแก้ปวดหลายชนิดที่ทำให้เป็นแผลเรื้อรังในกระเพาะอาหาร

มีสรรพคุณของเมล็ดลำโพงอีกอย่างหนึ่งคือ ช่วยบำรุงประสาทได้ดีให้มีความความจำแม่นพียงรับประทานแต่น้อยวันละไม่เกิน 2-3 เม็ด แต่มีผู้นำไปใช้ไม่ถูกวิธี คือไม่ประสะฆ่าพิษก่อนใช้จึงทำเกิดอาการฟั่นเฟือน วิธีฆ่าพิษเมล็ดลำโพงง่ายๆ คือ นำไปคั่วไฟอ่อนๆ จนน้ำมันออกหมด แล้วจึงรับประทานก่อนนอนเพียง 2 เม็ด ช่วยให้นอนหลับสนิท ความจำดี ไม่แพ้น้ำมันกัญชาของหมอเดชา(ฮา) แต่ที่เจ๋งกว่าก็คือลำโพงหาง่าย ปลูกง่าย ใช้ได้โดยไม่ต้องขอ อย.หรือกลัว ปปส. หรือ ตร.มาจับ เดียวนี้ทางการนิยมปลูกต้นลำโพงดอกสีม่วงอ่อนเป็นไม้ประดับข้างทางด้วยซ้ำ ทั้งที่สารเมาไฮออสซินของลำโพง อันตรายมากกว่าสาร THC ของกัญชาด้วยซ้ำ ที่พูดอย่างนี้ไม่ใช่ชี้ช่องให้แบนลำโพง  แต่ต้องการให้ปลดปล่อยพืชกระท่อม กัญชง กัญชาให้เป็นยาที่ผู้ป่วยเข้าถึงได้เหมือนสมุนไพรฤทธิ์เบื่อเมาทั้งหลาย.