ชีวิตผมสมบูรณ์ขึ้น เพราะเด็ก ๗ ขวบ ตอนที่ 1

ปริ๊นซ์เล่าถึงที่มาของการเข้ามาเป็นอาสาสมัครครั้งนี้ว่า เกิดขึ้นจากความตั้งใจเล็กๆ ระหว่างเขากับเพื่อนในกลุ่มที่เรียนคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ด้วยกันว่า ปิดเทอมนี้อยากทำบุญเลี้ยงอาหารเด็กกำพร้าที่ไหนสักแห่ง ก่อนที่เพื่อนของเขาจะบินไปใช้ชีวิตช่วงปิดภาคเรียนฤดูร้อน หรือ “ซัมเมอร์” ที่ต่างประเทศ

เพื่อนให้ผมจัดการจึงมาเปิดเน็ตดู แล้วก็มาเจอโครงการนี้เข้าโดยบังเอิญ เกิดความสนใจตรงที่ นอกจากเขาจะรับอาสาสมัครนวดเด็กแล้ว เขายังรับอาสาสมัครอ่านหนังสือให้เด็กด้วย จากที่คิดว่าจะเลี้ยงอาหารเด็กก็เลยกลายมาเป็นดูแลเลี้ยงเด็กแทน

“ตอนแรกก็ถามตัวเองอยู่เหมือนกันว่าจะทำได้ไหม เพราะมันเป็นโครงการระยะยาว (ตั้งแต่เดือนมีนาคม-กรกฎาคม) เราจะมีเวลาว่างพอที่จะทำได้หรือเปล่า แต่ก็คิดว่าน่าจะโอเค เพราะเขาให้เลือกทำวันพุธ พฤหัส เสาร์ และอาทิตย์ สัปดาห์ละ ๑ วัน แล้วปิดเทอมตั้ง ๓ เดือนถ้าไม่มีอะไรทำ คงเบื่อแย่ เพราะเพื่อนๆ เขาก็ไปต่างประเทศกัน” งานดูแลเด็กเล็ก แม้ดูห่างไกลจากวิถีชีวิตปกติที่เขาเป็นลูกคนเดียว แต่ก็คิดว่าไม่น่ายากเกินกว่าจะทำได้

“ด้วยพื้นฐานครอบครัว ซึ่งพ่อกับแม่แยกทางกัน แล้วตัวเองอยู่กับลุง เพราะพ่อกับแม่เขาก็ไปมีครอบครัวใหม่ ตรงนี้ก็เลยคิดว่า ตัวเองน่าจะเข้าใจคนที่เขาเป็นอย่างนี้เหมือนกัน ซึ่งไม่ได้คาดหวังอะไรกับการทำงานตรงนี้นะ คิดเพียงว่า เรามาทำในสิ่งที่ดี และบางทีอาจจะได้เห็นอะไรหลายๆ อย่างที่ไม่เคยเห็นแค่นั้น” แต่เมื่อได้มาสัมผัสกับงานอาสาสมัครจริงๆ ปริ๊นซ์กลับพบว่า ที่นี่เป็นเหมือนทุ่งดอกไม้แห่งฝัน บริสุทธิ์ งดงาม และผูกพัน แต่ในขณะเดียวกันสัจธรรมบางอย่างก็ย้ำเตือนให้เขากลับสู่โลกแห่งความเป็นจริง และเรียนรู้ที่จะปรับตัวปรับใจไปพร้อมๆ กัน

“ช่วงแรกเลือกเป็นอาสาสมัครวันเสาร์ก่อน น้องคนแรกที่ดูแลชื่อ แบงค์ ซึ่งตอนแรกเขายังไม่ใช่น้องที่ต้องดูแล แต่บังเอิญว่าน้องที่ปริ๊นซ์จะต้องดูเขามีพี่อาสาสมัครระยะยาวดูแลอยู่แล้ว และพี่อาสาของแบงค์ไม่ได้มาในวันนั้น ซึ่งทำให้น้องเขาเสียใจมาก เจ้าหน้าที่ก็เลยบอกว่า เอ้า ให้พี่ปริ๊นซ์ช่วยดูก็ได้ แค่นั้นล่ะ น้องเขาก็วิ่งมากอดเราทันที…

“ความรู้สึกตอนนั้น บอกไม่ถูกนะ… ตกใจ ไม่คิดว่าเราจะมีค่ากับเด็กคนหนึ่งซึ่งไม่เคยรู้จักกันมาก่อนได้มากขนาดนี้ ไม่รู้สิ ถ้าอยู่ในสังคมทั่วไป ไม่มีใครที่ไม่รู้จักกันแล้วมาให้คุณค่ากันขนาดนี้ เราเองก็เริ่มมีตัวตนมีคุณค่าขึ้นมาเลย”

ความสัมพันธ์ระหว่างปริ๊นซ์กับแบงค์ดำเนินไปด้วยดี แต่ก็เป็นเพียงแค่ชั่วเวลาสั้นๆ เท่านั้น เพราะหลังจากได้ดูแลน้องอยู่สองสัปดาห์ แบงค์ก็ต้องย้ายไปอยู่บ้านมหาเมฆ ซึ่งเป็นสงเคราะห์สำหรับเด็กชายวัยเกิน ๗ ขวบ

“ตอนแรกเสียใจนะ เพราะเราเริ่มรู้สึกผูกพันกับน้องแล้ว ก็ยังงงๆ ว่าทำไมเขาส่งแบงค์ไปเร็วจัง เพราะแบงค์เพิ่งจะอายุ ๕ ขวบเอง ทั้งๆ ที่นี่ก็ดูแลเด็กตั้งแต่แรกเกิดถึง ๗ ขวบ แต่ก็มารู้ทีหลังว่าเด็กที่เริ่มย้ายไปอยู่บ้านใหม่ตั้งแต่ ๖-๗ ขวบแล้ว แต่แบงค์ได้ไปก่อน “ตอนนั้นก็รับไม่ได้ คิดว่าจะเลิกทำแล้วเหมือนกัน เพราะช่วงนั้นมีเรื่องเรียนเข้ามาด้วยก็เหมือนเครียดสองด้านเลย แต่พอคิดทบทวนกับตัวเอง แล้วได้คุยกับพี่อาสาคนอื่นๆ ซึ่งเขาก็ต้องเจอกับเรื่องอย่างนี้เหมือนกัน ทำให้คิดว่าทำไมเขายังอยู่ได้เลย เลยทำใจได้ว่า ในเมื่อน้องเขาไปได้ดีมันก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่เราจะต้องเสียใจ โอเค เราอาจจะยังคิดถึงเขาแน่นอน และถ้าเขายังคิดถึงเรา ยังไงสักวันมันก็ต้องได้เจอกันอีก ก็เลยรู้สึกว่าไม่เป็นไรหรอก จาดนั้นจึงตัดสินใจทำต่อ”

หลังจากปรับตัวปรับใจจากแบงค์ได้แล้ว ปริ๊นซ์ก็ได้รับมอบหมายให้ดูแล ดล
เรื่องราวของพี่ปริ้นยังไม่จบ เมื่อต้องดูแลน้องคนใหม่ จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรในตัวพี่ปริ้นบ้าง แล้วพี่ปริ้นจะต้องเปลี่ยนน้องที่ดูแลอีกกี่คน ติดตามเรื่องราว ในคราวต่อไป…

บทความที่เกี่ยวข้อง

ของขวัญปีใหม่ ด้วยใจอาสา

admin 19 มิถุนายน 2019

ดูรายละเอียด การสมัครเป็นอาสาสร้างสุขให้เด็กในสถานสงเคร […]

ทศวรรษฉลาดทำบุญ กับคุณค่าต่อสังคม

admin 19 มิถุนายน 2019

งาน 10 ปี โลก(จิต)อาสา : ทศวรรษฉลาดทำบุญกับคุณค่าต่อสัง […]