วันนี้ของเด็ก ๆ คือ พรุ่งนี้ของ “แป้ง”

“ตอนมาใหม่ๆ แป้งรู้สึกว่า ๓ ชั่วโมง นี่มันเหนื่อยมาก แต่เดี๋ยวนี้ไม่อยากกลับเลย นอกจากนี้เมื่อก่อนแป้งเป็นคนหงุดหงิด เดี๋ยวนี้ไม่อารมณ์เสียง่าย ๆ แล้ว ตอนนี้แป้งอยากดูแลน้องทั้งวัน

บ้าน : ฐานที่มาของอนาคต
ที่บ้านของแป้ง แม่กับพ่อสอนให้ใช้เวลาว่างช่วงปิดเทอมไปการการช่วยเหลือและดูแลคนอื่น ผ่านการไปทำบุญที่บ้านพักคนชราบ้าง บ้านเด็กอ่อนบ้าง พ่อ แม่ พี่ป้อง และแป้ง ทั้ง ๔ คนจะไปทำบุญด้วยกันเป็นประจำสิ่งที่เกิดขึ้นนี้คือรากฐานของความสนใจในเรื่อง “การให้” ที่ติดตัวแป้งมาตั้งแต่เด็ก ทุกครั้งที่ไปทำบุญกับแม่ และได้เจอเด็กๆ แป้งมักรู้สึกสงสารน้องๆ และอยากให้น้องๆ ได้รับการดูแลที่ดี แต่กรณีที่ประทับใจมากที่สุด คือ ตอนที่ไปที่บางละมุง
แป้งเล่าถึงความประทับใจที่แม่กับพ่อปลูกฝังให้โดยไม่รู้ตัว สิ่งนี้อาจติดอยู่กับใจ เป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับการเป็นคนที่มีเมตตากับผู้อื่น แต่ตอนนั้นแป้งยังไม่รู้ว่า นอกจากการเลี้ยงน้องหรือช่วยดูแลเด็กจะเป็นสิ่งที่แป้งรู้สึกดีที่ได้ทำแล้ว ในเวลาต่อมามันกลับกลายเป็นอนาคตที่แป้งเลือกด้วย

โครงการนวดเด็ก ประสบการณ์ที่มีคุณค่า
“ตอนเข้ามาก็ยังทำไม่เป็น ไม่เคยนวดเลยค่ะ เคยแต่ไปอุ้มเด็กตามที่ต่างๆ ที่ไปทำบุญ แต่เรื่องนวดเพิ่งมาฝึกที่นี่ รายละเอียดเยอะเหมือนกัน อย่างถ้าน้องเครียด งอแงหรือไม่อยากนวดก็ห้ามนวด จะนวดเฉพาะเวลาที่น้องสบายใจหรือพอใจเท่านั้น”

การได้เรียนรู้จากโครงการสัมผัสกาย สัมผัสรัก สัมผัสจิตอาสา ยังช่วยให้แป้งเรียนรู้เรื่องพัฒนาการของเด็ก และความจำเป็นที่จะต้องฝึกให้น้องช่วยตัวเองให้ได้ แม้บางครั้งจะต้องฝืนใจตัวเองก็ตามที แต่ก็ต้องยอมเพื่อน้อง “ตอนนี้เข้ามาใหม่ๆ พี่เขาบอกว่าเราได้ดูแลน้องชื่อรพินทร์ ซึ่งเขาพัฒนาการช้า อยากให้เราฝึกให้เขาเดิน เพราะอายุเขาต้องเดินแล้ว แต่ไม่ยอมเดินจะให้อุ้ม พอแป้งรับน้องออกมา เขาก็จะไม่ยอมเดิน พอให้เดินก็จะร้องไห้ แรกๆ แป้งก็สงสารแล้วก็จะอุ้มอย่างเดียว แต่แม่บอกว่าต้องฝึกให้เดิน ก็จำใจต้องวางเขา และพยายามให้เขาเดินให้ได้ แต่หลังๆ เขาก็ยอมเดิน”

เรียนรู้ที่จะรัก และรักที่จะเรียนรู้
เมื่อเราถามถึงความภูมิใจจากการเป็นอาสาสมัคร ทั้งคุณแม่และแป้งต่างก็กล่าวคล้าย ๆ กันว่า ความสุขที่ได้รับนั้นอธิบายไม่ได้ เป็นความสุขทางใจลึกๆ บอกไม่ถูก ที่คล้ายๆ ความอิ่มใจที่มีโอกาสได้ดูแลคนๆ หนึ่ง จนเขามีชีวิตที่ดีขึ้น แม้เพียงน้อยนิดก็ตาม เป็นความสุขจากการให้ ที่ต้องทำเองถึงจะรู้ว่า มันมีความสุขขนาดไหน “เด็กเขาต้องการการสัมผัสนะ อย่าไปคิดเรื่องซื้อของมาให้เขา อย่าคิดถึงแต่นม เสื้อผ้า รองเท้า ที่คุณสามารถหาซื้อได้ เด็กเขาไม่ได้ต้องการสิ่งเหล่านั้นมากมายนักหรอก สิ่งที่เขาอยากได้ คือการสัมผัส การโอบกอด ลองกอดเด็กดูสิ แค่ไม่กี่นาที คุณจะรู้เลยว่าเขาเปลี่ยนไป การสัมผัสสำคัญที่สุดเพราะมันคือพื้นฐานของทุกอย่าง พื้นฐานของความมั่นใจ ความสุข การจะเติบโตไปได้อย่างเป็นผู้ใหญ่ไม่ต้องหวาดกลัว ไม่หวาดระแวง มันเป็นการเติมเต็มนะ ไม่ใช่แต่เด็กหรอก ผู้ใหญ่อย่างเราก็ชอบนะ เวลามีคนมากอดคุณจะรู้เลยว่ามันรู้สึกดี นั่นคือสิ่งที่เด็กต้องการมากที่สุด และเราทำได้ ทำไมถึงจะไม่ทำล่ะ”

การได้เรียนรู้จากโครงการสัมผัสกาย สัมผัสรัก สัมผัสจิตอาสา ยังช่วยให้แป้งเรียนรู้เรื่องพัฒนาการของเด็ก และความจำเป็นที่จะต้องฝึกให้น้องช่วยตัวเองให้ได้ แม้บางครั้งจะต้องฝืนใจตัวเองก็ตามที แต่ก็ต้องยอมเพื่อน้อง

วันนี้ของเด็ก ๆ คือ วันพรุ่งนี้ของแป้ง
ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากได้มาร่วมโครงการฯ นี้ ไม่ใช่สิ่งที่เด็ก ๆ ได้รับจากแป้งเท่านั้น แต่น้อง ๆ กลับเป็นคนที่ทำให้แป้งมองเห็นภาพของตัวเองใน “อนาคต” ได้ชัดเจนขึ้นอย่างไม่คาดคิด คุณแม่ยิ้มและส่งแววตาเปี่ยมสุขให้แป้ง พร้อมกับเล่าถึงที่มาของอนาคตที่แป้งวางแผนเอาไว้ โดยมีเด็ก ๆ เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง

สำหรับแป้งเอง การเลือกเรียนวิชาเอก ด้านพัฒนาการเด็ก เป็นเรื่องที่ไม่ได้คาดคิดมาก่อน เพราะแป้งก็เคยมีความฝันแบบเด็กสายวิทย์หลายๆ คนที่มุ่งหวังจะสอบเอ็นทรานซ์ให้ติดในคณะที่ตนใฝ่ฝัน และได้เลือกเรียนสาขาที่ตนชอบ ซึ่งแป้งเคยเข้าใจว่าตัวเองอยากเรียนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทางอาหารมากที่สุด

“มันเหมือนเป็นกระแส เพื่อนเราทุกคนก็อยากเรียนอย่างนี้ คุยกันก็พูดถึงแต่สาขานี้ แป้งไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีสาขาพัฒนาการเด็กด้วย พอสอบติดเกษตรฯ ตอนแรกก็ยังคิดจะเรียนโภชนาการเลย เพราะมันเหมือนกับว่าทุกคนก็รู้ ก็คิดว่าเอกนี้คือดีที่สุด คนเลือกเยอะที่สุด พอได้คุยกับรุ่นพี่ ถึงรู้ว่ามีเอกพัฒนาการเด็กด้วย แต่รุ่นพี่เขาบอกว่า ไม่ค่อยมีคนเลือกเรียนหรอก เพราะส่วนมากไปเลือกโภชนาการกันหมด แต่พอรู้ว่ามีเอกนี้ แป้งก็บอกแม่เลย ว่านี่แหละที่แป้งอยากเรียน ถึงคนน้อยแป้งก็จะเรียน แป้งแค่อยากให้น้องๆ เขามีชีวิตที่ดีกว่าที่เขาเคยเจอ ตอนนี้เราทำได้แค่นี้ แต่ถ้าเรามีความรู้ทางวิชาการมากขึ้น เราก็อาจจะทำอะไรที่เป็นประโยชน์กับน้อง ๆ ได้มากกว่านี้ค่ะ”

แม้ว่ากว่าจะได้เลือกวิชาเอก ต้องรอถึงปี ๒ แต่สำหรับแป้ง วันนี้ความฝัน อนาคต และวันพรุ่งนี้ของเธอชัดเจน และมีเด็กๆ เป็นแรงบันดาลใจที่มองเห็นได้ และสัมผัสได้จริงอยู่ทุกวัน

ทิ้งท้ายเผื่อใครอยากร่วมแบ่งปัน
ตอนมาใหม่ๆ แป้งรู้สึกว่า ๓ ชั่วโมง นี่มันเหนื่อยมาก แต่เดี๋ยวนี้ไม่อยากกลับเลย นอกจากนี้เมื่อก่อนแป้งเป็นคนหงุดหงิด เดี๋ยวนี้ไม่อารมณ์เสียง่าย ๆ แล้ว ตอนนี้แป้งอยากดูแลน้องทั้งวัน แต่เราก็มีภารกิจอื่น ๆ ต้องทำ อยากให้ทุกคนได้ลองมาทำด้วยตัวเองสักครั้งค่ะ ถ้าใครที่ยังไม่เคยมีประสบการณ์ แล้วชีวิตอาจจะเปลี่ยนไปเลย

บทความที่เกี่ยวข้อง

ของขวัญปีใหม่ ด้วยใจอาสา

admin 19 มิถุนายน 2019

ดูรายละเอียด การสมัครเป็นอาสาสร้างสุขให้เด็กในสถานสงเคร […]

ทศวรรษฉลาดทำบุญ กับคุณค่าต่อสังคม

admin 19 มิถุนายน 2019

งาน 10 ปี โลก(จิต)อาสา : ทศวรรษฉลาดทำบุญกับคุณค่าต่อสัง […]