จับตาตั้งบอร์ด สสส. หวั่นนอมินีนายทุนแฝง

เมื่อวันที่ 8 มกราคม ที่ศูนย์บริการประชาชน สำนักงาน ก.พ. นายธีรภัทร์ คหะวงศ์ ผู้ประสานงานเครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ พร้อมเยาวชนจากเครือข่ายเด็กรุ่นใหม่ไม่พนัน เครือข่ายบางกอกนี้ดีจัง เครือข่ายเยาวชนสร้างสรรค์รู้ทันแอลกอฮล์ เครือข่ายเด็กเปลี่ยนโลก เข้ายื่นหนังสือถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เรียกร้องให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาการชะลอโครงการที่รับทุนสนับสนุนสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) ซึ่งกระทบการทำงานของเด็กและเยาวชน ตลอดจนองค์กรภาคประชาชนอย่างหนัก โดยมีนายพีระ ทองโพธิ์ ผู้อำนวยการศูนย์บริการประชาชน รับหนังสือ

ร้องนายกฯแก้ผลกระทบแช่แข็งสสส.
นายธีรภัทร์กล่าวว่า ทางเครือข่ายฯเป็นกลุ่มทำกิจกรรมเพื่อสังคม เน้นลดปัญหาจากปัจจัยเสี่ยง เช่น บุหรี่ เหล้า การพนัน ซึ่งได้งบประมาณจาก สสส. แต่เมื่อมีการตรวจสอบติดตามจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ส่งผลให้โครงการต่างๆ อาทิ โครงการเมาไม่ขับ โครงการป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ โครงการเพื่อคนสูงอายุ โครงการลดพุง-ลดโรค ต้องหยุดชะงักมาร่วม 3 เดือนแล้ว ซึ่งจากข้อมูลปี 2558 พบมีโครงการที่ของบสนับสนุนจากสสส.กว่า 2,400 โครงการ มีโครงการด้านเด็กและเยาวชนจำนวนมากรวมในนั้นและได้รับผลกระทบมาก บางโครงการแก้ปัญหาโดยกู้ยืมเงินมาจัดกิจกรรมให้บรรลุเป้าหมายไปก่อน ทำให้มีหนี้สิน บางองค์กรต้องลดบุคลกรหรือเริ่มถอดใจเตรียมยุติบทบาท และขณะนี้ยังไม่มีท่าทีว่าจะได้งบมาสนับสนุน “ทางเครือข่ายฯเห็นด้วยกับการตรวจสอบความโปร่งใสของสสส. และทุกหน่วยงานโดยไม่เลือกปฏิบัติ เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล ปราศจากอคติ และขอให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาความเดือดร้อนจากการชะลอหรือยุติโครงการ ภายใต้การสนับสนุนของสสส.ที่ทำให้หลายองค์กรต้องหยุดกิจกรรมไปอย่างน่าเสียดาย ให้รัฐบาลเร่งหาแนวทางช่วยเหลือยเยียวยาองค์กรรับทุนต่างๆ เพื่อสร้างขวัญกำลังใจคนทำงานอุทิศตนเพื่อสังคม”นายธีรภัทร์กล่าว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังยื่นหนังสือกลุ่มเครือข่ายเยาวชนฯทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ นำถังน้ำแข็งมาแช่ป้ายรายชื่อโครงการต่างๆ พร้อมยืนมัดแขนมัดขาตัวเอง เพื่อสะท้อนปัญหาที่เกิดขึ้น รวมทั้งชูป้ายข้อความว่า นายกฯช่วยทีอย่าปล่อยภาคประชาชนชนหมดแรง,วอน คตร.หยุดแช่แข็งโครงการประชาชน

ปัดล้มสสส.นัดถก15มค.หาชุดใหม่
ด้านนพ.ปิยะสกล กสลสัตยาทร รมว.สาธารณสุขกล่าวถึงกรณีการออกมาเคลื่อนไหวของภาคประชาชนค้านคำสั่ง คสช. มาตรา44 ปลดบอร์ดสสส. 7 คนว่า คงไม่สามารถห้ามกลุ่มที่จะออกมาเคลื่อนไหววันที่ 11 มกราคมได้ สำหรับการประชุมบอร์ด สสส.ครั้งต่อไปวันที่ 15 มกราคม ยืนยันว่าเปิดประชุมได้ โดยจะพิจารณาเรื่องการแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหาบอร์ด สสส.ส่วนของผู้ทรงคุณวุฒิแทนผู้ที่พ้นจากตำแหน่ง และรับรองระเบียบข้อบังคับทั้ง 26 ฉบับที่แก้ไขปรับปรุง ซึ่งบอร์ดให้ความเห็นชอบไปแล้ว เพื่อบังคับใช้ต่อไป ซึ่งเมื่อระเบียบข้อบังคับที่แก้ไขออกมาใช้บังคับ และโครงการต่างๆ ที่รับทุนจาก สสส.หากดำเนินการถูกต้องและครบถ้วนตามระเบียบก็น่าจะดำเนินการต่อไปได้เลย ไม่มีล้มสสส.แน่นอน และทำให้การทำงานของสสส.คล่องตัวขึ้น ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีนพ.วิชัย โชควิวัฒน อดีตรองประธานกองทุน สสส.ระบุมีขบวนการจ้องล้มสสส. นพ.ปิยะสกลกล่าวว่า ตนไม่เห็นว่ามี ยืนยันว่าคณะกรรมการฯไม่เคยคิดล้ม สสส. ส่วนกรณีขบวนการสร้างเสริมสุขภาพภาคประชาชนจะเคลื่อนไหวนั้น ตนไม่กังวล เพราะการสรรหาผู้ทรงคุณวุฒิ ต้องเป็นผู้ที่มีทั้งคุณวุฒิ และไม่ขัดระเบียบข้อบังคับ

หมอวิชัยยันมีหลักฐานอยู่ในร่างรธน.
ด้านนพ.วิชัยกล่าวว่า นพ.ปิยะสกลย่อมต้องพูดเช่นนั้น เพราะกระบวนการจ้องล้ม สสส.ไม่ได้ทำอย่างเปิดเผย แต่เห็นชัดจากกรณีจัดทำร่างรัฐธรรมนูญเมื่อกลางปี 2558 ที่มีการปิดห้องจัดทำร่างอย่างลับๆ โดยไปเขียนในมาตราหนึ่งว่า ไม่ให้ส่งเงินภาษีมาที่ สสส.โดยตรง เรื่องนี้มีข่าวชัดเจน หลักฐานก็ชัดอยู่ในตัวร่างรัฐธรรมนูญ ส่วนที่จะให้หาหลักฐานนั้น ประชาชนเป็นเหมือนผู้แจ้งเบาะแส แต่รัฐบาลผู้มีอำนาจมีกลไกสืบค้น ก็ควรต้องทำหน้าที่หรือไม่ มิเช่นนั้นจะมีคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่ออะไร และการแจ้งเบาะแสครั้งนี้ก็ไม่ใช่เลื่อนลอย เพราะเรื่องร่างรัฐธรรมนูญก็ปรากฏเป็นข่าวชัดเจน ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณี คตร.ปลดล็อกการสกรีนงบโครงการสสส.ไม่ต้องขออนุมัติแล้ว นพ.วิชัยกล่าวว่า ต้องมาดูรายละเอียดว่าปลดล็อกจริงหรือไม่ ต้องถาม คตร.ว่ามีอะไรที่ปลดล็อกการทำงานของ สสส.บ้าง

NGOยันนัด11มค.จับตาตั้งบอร์ดใหม่
สำหรับความเคลื่อนไหวของเครือข่ายขบวนการสร้างเสริมสุขภาพภาคประชาชน 20 เครือข่ายที่นัดเคลื่อนไหววันที่ 11 มกราคมนั้น นายคำรณ ชูเดชา เครือข่ายเฝ้าระวังธุรกิจแอลกอฮอล์ หนึ่งในเครือข่ายฯเผยว่า เพื่อกำหนดแนวทางและประเมินสถานการณ์ต่อไป เพราะล่าสุด คตร.แจ้งว่า กระบวนการตรวจสอบเสร็จสิ้นแล้ว สามารถเบิกจ่ายงบประมาณได้เหมือนเดิม ซึ่งการผ่อนคลายมาตรการดังกล่าวทำให้สถานการณ์คลี่คลายดีขึ้น แต่ยังต้องจับตาการสรรหาบอร์ด สสส. เพื่อไม่ให้คนที่เป็นนอมินีของธุรกิจที่เสียประโยชน์จากการทำงานของสสส. หรือคนที่มีแนวคิดเป็นปฏิปักษ์ต่อการทำงานของ สสส. เข้ามาในบอร์ด สอดคล้องกับนายวันชัย บุญประชา เลขานุการมูลนิธิเครือข่ายครอบครัวกล่าวว่า มองเรื่องคำสั่งปลดกรรมการ สสส.เพราะผลประโยชน์ทับซ้อนเป็นเรื่องผิดปกติ เพราะกฎหมายเองก็เปิดช่องเรื่องรับทุนและการเป็นกรรมการ ซึ่งบอร์ด สสส.มีมติให้แก้ระเบียบ 26 ฉบับแล้ว อีกอย่างกรรมการที่อยู่ในมูลนิธิที่รับทุน สสส.ก็ไม่สามารถเข้าร่วมพิจารณาโครงการได้ แต่กลับบอกว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อนทั้งหมด จึงกลายเป็นการสงสัย ถ้าไม่มีเงื่อนงำอะไรก็ถือเป็นสิ่งผิดพลาดในการคัดกรองข้อมูลของระบบราชการ เป็นข้อมูลเท็จ แต่เจตนาหรือไม่ ไม่ทราบ อย่างไรก็ตาม จากนี้ให้จับตาดูกระบวนการสรรหากรรมการฯใหม่ เพราะกังวลว่าจะมีการยัดไส้เอาคนของตัวเองเข้ามา

ปัดเอี่ยวบริษัทบุหรี่ล้มสสส.
ขณะที่พล.อ.นคร สุขประเสริฐ สมาชิกสภาปฎิรูปแห่งชาติ (สปท.) ในฐานะอดีตคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ (กมธ.ยกร่างฯ)กล่าวถึงกรณีนพ.วิชัย โชควิวัฒน อดีตรองประธาน บอร์ด สสส.ระบุการปลด 7 บอร์ด สสส. เป็นกระบวนการต่อเนื่อง โดยเฉพาะ ช่วงท้ายการเขียนร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งเขียนเพิ่มมาตราหนึ่งลงไปคือ ไม่ให้ส่งเงินภาษีร้อยละ 2 มาที่สสส.โดยตรง เพื่อให้หมดสภาพทำงาน แต่มีการต่อรองต่อสู้กระทั่งให้มีบทเฉพาะกาลให้สสส.อยู่ได้ 3 ปี ช่วงนั้นมีบริษัทบุหรี่เข้าไปเกี่ยวข้องกับคณะร่างรัฐธรรมนูญ ร่วมเดินทางไปประเทศเมียนมา ในที่สุดคัดค้านอย่างกว้างขวางและมีข่าวรั่วออกมา จึงไม่ได้ใส่เรื่องไว้ในรัฐธรรมนูญว่า ตนไม่ได้ไปเมียนมาด้วย แต่รู้มาว่าเป็นการใช้เงินส่วนตัวเดินทางกันเอง ไม่มีการรับเงินจากบริษัทที่เกี่ยวข้อง การพูดเช่นนั้นจึงไม่มีข้อมูล นอกจากนี้ เหตุผลที่กมธ.ไม่ได้ใส่เรื่องลงในร่างรัฐธรรมนูญ เพราะมีกระแสต่อต้านมาก ไม่เกี่ยวข้องกับการรับผลประโยชน์ใดๆ

นายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีต กมธ.ยกร่างฯกล่าวว่า ตนเป็นหนึ่งที่เดินทางไปด้วย ยืนยันว่าไปอย่างโปร่งใสตรวจสอบได้ไปกันส่วนตัว ใช้เงินส่วนตัวกว่า 40,000 บาทต่อคนไปทำบุญกัน ไม่มีใครช่วย แต่เข้าใจว่าที่เป็นข่าวนั้นมีการนำมาผูกกัน เนื่องจากมีบุคคลที่ไปร่วมกับเราเป็นตัวแทนจากสถาบันพระปกเกล้า และทำงานที่โรงงานยาสูบ คนอาจเข้าใจผิดเรื่องนี้ ข้อมูลทั้งหมดเราเปิดเผยตรวจสอบได้หมด

ที่มา : แนวหน้าออนไลน์ 9 ม.ค.2558

บทความที่เกี่ยวข้อง