บำรุงร่างกาย รับมือไวรัสหวัด

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 โลกแทบหยุด ทุกประเทศทุกชาติพันธุ์เฝ้าระวังเต็มร้อย เตรียมรับมือ และรอลุ้นว่าประเทศจีนต้นตอการเกิดโรคจะควบคุมการระบาด “โคโรนาไวรัส” หรือ ”ไวรัสอู่ฮั่น” ได้อยู่หมัดมวยจีนกำลังภายในได้หรือไม่?  ไวรัสสายพันธุ์ใหม่ชนิดนี้นักวิทยาศาสตร์ตั้งชื่อว่า “2019-nCoV”  และสันนิษฐานว่าต้นตอมาจากตลาดแหล่งค้าสัตว์ป่าในประเทศจีน

     ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีระบบสาธารณสุขดี มีระบบการจัดการกับการระบาดของโรคที่ดี ดังเช่นคราวระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ 2009 ไข้หวัดนก ไวรัสซาร์ส(โรคซาร์ส)  ไวรัสเมอร์ส (โรคเมอร์ส) เป็นต้น ประเทศไทยก็มีความเข้มแข็งและความร่วมมือกันหลายฝ่ายที่จะรับมือโรคอุบัติใหม่ ๆ ครั้งนี้กับ “โคโรนาไวรัส” ก็เชื่อว่า คนไทยจะร่วมกันรับมือได้

     แต่ไม่ควรหวังพึ่งแต่หน่วยงานสาธารณสุข หรือรัฐบาลเท่านั้น ประชาชนเราทุกคนนี่แหละคือคำตอบในการรับมือที่แท้จริง เพราะบุคลากรสาธารณสุขไม่มีทางเพียงพอ และไวรัสมักจะโจมตีร่างกายคนเราในยามที่เราอ่อนแอ เรา ๆ ท่าน ๆ ช่วยกันปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน  โอกาสไม่สบายก็จะน้อยลงมาก

     กินร้อน ช้อนกลาง ยังใช้ได้ดี ใส่หน้ากากอนามัยก็พออุ่นใจขึ้น (แม้นักวิชาการบอกว่า คนปกติใส่จะป้องกันเชื้อโรคได้น้อย หน้ากากอนามัยทำขึ้นมามุ่งให้คนไม่สบายไอจามเป็นหวัดใส่ไม่ให้เชื้อจากตนเองออกไปแพร่กระจาย)  สิ่งที่ต้องทำให้ได้ คือ หมั่นล้างมือบ่อย ๆ ด้วยสบู่หรือเช็ดมือด้วยแอลกอฮอล์เจล ล้างมือ วิธีนี้สำคัญมาก ๆ  ระยะนี้ควรงดเว้นไปในที่มีคนแออัดมาก ๆ และควรออกกำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อนเพียงพอ ไม่ควรอดนอนเพราะทำให้ร่างกายอ่อนแออย่างชัดเจน และที่ไม่ค่อยพูดถึงกัน คือ ความเครียด

     หลายคนเครียดต่อเนื่องซึ่งมีผลต่อสุขภาพจิตใจวิตกกังวลแล้ว ยังส่งผลต่อสุขภาพทางกายอย่างที่เรานึกไม่นึก เช่น  ทำให้หัวใจบีบตัวมากขึ้นเหมือนทำงานหนักขึ้น ทำให้ความดันโลหิตสูง ผู้ที่เป็นเบาหวานก็มักจะควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ยากขึ้น คงเคยได้ยินว่าเครียดจนปวดหัว และความเครียดสะสมนาน ๆ จะทำให้ภูมิคุ้มกันโรคในร่างกายของเราลดลง หากใครเคยสังเกตว่า ช่วงไหนที่ทั้งอดนอนและเครียดจากการงาน หรือเครียดปัญหาบางประการแล้วมักจะเป็นหวัดง่าย หรือใครที่เคยเป็นเริมก็จะกลับมาเป็นง่ายขึ้นเวลาเครียด ๆ 

     หลักสุขภาพองค์รวม กาย ใจ และสังคมต้องสมดุล เราก็รับมือกับ “ไวรัสอู่ฮั่น” ได้ ถ้าให้ดียิ่งขึ้นเราควรใช้ภูมิปัญญาด้านสุขภาพของเรา เสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรงไว้ด้วย ในวัฒนธรรมไทยเรียกกันว่าสมุนไพรหรืออาหารสมุนไพรบำรุงร่างกายหรือยาอายุวัฒนะ หมายถึงให้ร่างกายแข็งแรงไม่เจ็บป่วยง่ายและมีอายุยืนยาว

     ขอแนะนำตำรับใกล้ตัว และง่ายสุด ๆ เหมือน “ปลอกกล้วยเข้าปาก” กล้วยน้ำว้านี่แหละ ยาบำรุงหรือยาอายุวัฒนะแบบไทย ๆ อย่างดี กินกล้วยเป็นประจำก็ช่วยสุขภาพดีแล้ว คนทั่วไปก็มักนึกถึงสูตร กล้วยน้ำว้าแช่น้ำผึ้ง ให้ปลอกกล้วยใส่ไว้ในโหลแก้ว  เทน้ำผึ้งให้ท่วม ปิดฝาไว้ แต่ควรเปิดฝาทุกวันแล้วใช้ช้อนกดกล้วยให้จมน้ำผึ้ง ทำแบบนี้ ถ้าตำรับดั้งเดิม ให้แช่ไว้ 1 เดือน แต่ถ้าเร่งก็แช่สัก 1 สัปดาห์ก็ใช้ได้ ให้กินน้ำผึ้งวันละ 1-2 ช้อนชา และนำกล้วยมากินวันละลูก

     ยังมีอีกสูตรที่อยากแนะนำ ทำกินบำรุงร่างกาย ใช้กล้วยน้ำว้าสุก 1 หวี ปลอกเปลือกเอาเนื้อกล้วยทั้งหมด มะตูมสุก 5 ลูก เอาแต่เนื้อมาใช้ และพริกไทยผงหนัก 60 กรัม ประมาณ 4 ช้อนแกง ตัวยา 3 ชนิด นำมาคลุกเคล้าให้เข้ากัน และทำเป็นแผ่น ๆ ซึ่งตัวยาจะมีความเปียก ต้องนำไปตากแดดให้แห้งก่อน แล้วนำมาบดเป็นผงให้ละเอียดอีกที  จากนั้นนำไปผสมกับน้ำผึ้งปั้นเม็ดลูกกลอนขนาดเม็ดพุทรา ตากให้แห้งเก็บใส่ขวด นำมากินครั้งละ 1-2 เม็ด มื้อเช้าและก่อนนอน  บางท่านมีความขี้เกียจนำไปบดผงปั้นเม็ด ก็เอาแผ่นยาที่ผสมสมุนไพร 3 ชนิดที่ตากแห้งดีแล้ว เอาแผ่นยานี้ไปใส่โหล แล้วเทน้ำผึ้งให้ท่วมยา ปิดฝาทิ้งไว้ 2 สัปดาห์ แล้วตักกินน้ำผึ้งครั้งละ 1 ช้อนชา ก่อนนอน

     ท่านอาจสงสัยว่าเมื่อผสมสมุนไพร 3 ชนิดแล้วเก็บไว้ตักกินเลยได้ไหม อันที่จริงสมุนไพรที่ได้ ผสมน้ำผึ้งกินได้เลย แต่การเก็บตัวยาที่มีความชื้นจากกล้วยและมะตูมสุก จะทำให้ยาขึ้นราเสียได้ง่าย จึงต้องตากแห้งก่อน และแปรรูปแบบยาให้เก็บไว้กินได้นานขึ้นนั่นเอง

     ทั้งกล้วยน้ำว้า มะตูม และพริกไทย เป็นสมุนไพรที่มีการใช้ในเรื่องบำรุงร่างกายหรือเป็นตัวยาในตำรับยาอายุวัฒนะหลายขนาน สูตรนี้หาตัวยาได้ง่าย ทำได้ไม่ยุ่งยาก จึงแนะนำไว้

     และส่งท้ายว่า ฟ้าทะลายโจร สมุนไพรที่รักษาอาการไข้หวัดปกตินั้น เราสามารถนำมากินเป็นยาป้องกัน หรือกินเพื่อกระตุ้นให้ภูมิคุ้มกันในร่างกายของเรา เพื่อให้มีความพร้อมในการป้องกันเชื้อไวรัสหวัด วิธีที่ภูมิปัญญาดั้งเดิมแนะนำไว้ คือการกินก่อนนอนเท่านั้น หากเป็นยาลูกกลอนก็ สัก 2- 4 เม็ด ถ้าเป็นแคปซูลก็สัก1- 2 แคปซูล การกินยาในขนาดน้อย ๆ เพื่อการป้องกัน และไม่จำเป็นต้องกินต่อเนื่องนาน ให้กินสัก 5- 7 วัน

     กินอาหารสมุนไพร ออกกำลังกาย รักษาจิตใจไม่ให้เครียด ล้างมือบ่อย ๆ และห่างไกลที่แออัด สักพัก เพราะสุขภาพดีอยู่ในมือของเราทุกคน.