พุทรา

ถ้าใครได้มีโอกาสไปเที่ยวเมืองเก่าอยุธยา จะสังเกตเห็นได้ว่ามีต้นพุทราเจริญกระจายอยู่ทั่วไปในพื้นที่ เมื่อ 50-60 ปีที่ผ่านมาได้ยินผู้ใหญ่เล่าว่า ตอนเสียกรุงให้พม่าครั้งที่ 2 ทหารพม่าได้มาถ่ายมูลเอาไว้ แล้วมูลเหล่านี้มีเมล็ดพุทราออกมาด้วย ทำให้มีต้นพุทราเจริญอยู่ในบริเวณเมืองเก่าเต็มไปหมด

ในอดีตชาวบ้านในพื้นถิ่นนี้ได้เก็บเมล็ดพุทราที่แก่เต็มที่แล้วมาตำให้แหลก ทำเป็นพุทราแผ่น เอาไปต้มน้ำกินหรือทำเป็นพุทรากวน สร้างรายได้ให้กับผู้คนในละแวกนั้นไม่น้อย

พุทรามีถิ่นกำเนิดมาจากประเทศจีน คนจีนได้นำพุทรามาปลูกนานกว่า 4000 ปีมาแล้ว ในปัจจุบันได้มีการคัดสายพันธุ์ได้ไม่น้อยกว่า 400 สายพันธุ์ พุทราจากจีนได้ถูกนำเข้าไปปลูกในรัสเซีย ตอนเหนือของอาฟริกา ตอนใต้ของยุโรป ตะวันออกกลางและตะวันตกเฉียงใต้ของสหัฐอเมริกา พุทราจากจีนนำเข้าไปปลูกในยุโรปตั้งแต่ตอนเริ่มต้นคริสต์ศักราชและนำเข้าสู่สหัฐอเมริกา ในปี ค.ศ. 1837 พุทรามีชื่อสามัญในภาษาอังกฤษว่า Jujube (อ่านว่า จู-จูบ) หรือ Chinese Date เป็นพืชที่อยู่ในสกุล Ziziphus วงศ์พุทรา (Rhamnaceae) แต่เดิมพุทราที่มีการเพาะปลูกจนกลายเป็นพืชเศรษฐกิจมี 2 ชนิด คือ พุทราอินเดีย มีชื่อสามัญว่า Indian Jujube มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Ziziphus mauritiana Lam. และพุทราจีน มีชื่อสามัญว่า Jujube หรือ Chinese Date มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Ziziphus jujube Mill. พุทราทั้ง 2 ชนิด มีเนื้อแตกต่างกันเห็นได้ชัดเจนคือ พุทราจีนมีเนื้อแห้งและฟ่าม ส่วนพุทราอินเดียมีเนื้อที่ฉ่ำน้ำกว่า

พุทราอินเดียเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง ผลัดใบ ใบรูปทรงไข่แกมกลมขนาดประมาณ 1 นิ้ว บริเวณลำต้นและกิ่งจะมีหนามแหลม ดอกจะออกเป็นช่อเล็ก ๆ สีเหลือง มีกลิ่นเหม็น ผลมีเปลือกสีเขียว รูปทรงมีทั้งที่เป็นแบบทรงกลมถึงรูปรี ปลายผลรูปร่างกลมถึงแหลม มีหลายขนาด ผลแก่จะมีสีเหลือง แก่จัดจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล รสชาติมีทั้งแบบที่หวานสนิท เปรี้ยวอมหวานหรือฝาด มีเมล็ดเดียวอยู่กลางลูก โดยทั่วไป ต้นพุทรามักจะเกิดขึ้นเองในที่ราบสภาพดินทั่วไปในป่า ซึ่งการขยายพันธุ์ สามารถทำได้ทั้งเพาะเมล็ด และตอนกิ่ง การใช้ประโยชน์ทางยา เปลือกลำต้น ใช้ต้มกินแก้อาการจุกเสียด แก้ท้องเสีย ท้องร่วง แก้อาเจียน ใบนำมาตำสด ๆ ใช้สุมศีรษะ แก้อาการเป็นหวัดคัดจมูก ผลดิบมีรสฝาด ใช้รักษาอาการไข้ ผลสุกกินเป็นผลไม้สดหรือแปรรูปโดยการกวนหรือดอง มีสรรพคุณทางยาคือ ช่วยขับเสมหะ แก้ไอ และคุณสมบัติเป็นยาระบาย ในตลาดขายเครื่องยาจีนเรียกพุทราอินเดียว่า “มี่จ่าว” ซึ่งมีขายในรูปพุทราเชื่อมแห้ง คนจีนเชื่อว่าพุทราอินเดียช่วยในเรื่องการบำรุงตับ

พุทราจีนเป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก ผลัดใบ มีหนาม มักมีเป็นคู่ โดยตรงทั้งสองอันหรือตรงอันหนึ่ง โค้งอันหนึ่ง ในผลมีเมล็ดเดียว ผิวเรียบ เมื่อผลสุกจะเป็นสีเหลืองหรือบางสายพันธุ์จะเป็นสีแดงเข้ม มีทั้งพันธุ์ผลเล็กและผลใหญ่ พุทราจีนภาษาจีนเรียกว่า “อั่งจือ” หรือ “อั่งจ๊อ” หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “หมุยจ้อ” ชาวจีนในสมัยโบราณเชื่อว่า พุทราจีนเป็นหนึ่งในห้าผลไม้ที่ดีที่สุด สามารถกินได้ทั้งผลสดและผลแห้ง ในการทำพุทราจีนแห้งก็มีวิธีง่ายๆคือ ให้นำผลสุกแก่ของพุทราจีนมาอบจนผิวนุ่ม หรือไม่ก็นำไปต้มในน้ำจนเดือด แล้วนำไปตากแห้ง ก็จะได้พุทราจีนแห้งที่มีรสหวานกว่าพุทราจีนสด สรรพคุณของพุทราจีน ในการบำบัดรักษาโรค

พุทราจีน เป็นสมุนไพรจีนที่มีฤทธิ์อุ่น รสหวาน นิยมนำมาประกอบในตำรับยาจีน เพื่อช่วยลดฤทธิ์ความรุนแรงของเครื่องยาจีน ช่วยให้ร่างกายดูดซึมยาได้ดีขึ้น และยังช่วยลดอาการแพ้ยาได้อีกด้วย ผลสดและแห้งของพุทราจีน มีส่วนช่วยบำรุงร่างกายโดยเฉพาะม้าม ตับ และสมอง ช่วยขับปัสสาวะ ช่วยเพิ่มปริมาณเลือด บรรเทาอาการโลหิตจาง รักษาเบาหวาน รักษาอาการนอนไม่หลับ ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ลดไขมันในเลือด และยังช่วยรักษาอาการตับแข็งในผู้ดื่มสุราได้อีกด้วย พุทราจีนแห้ง เป็นสมุนไพรจีนที่กินแล้วสามารถป้องกันมะเร็งและรักษาอาการท้องเสียได้ รากของพุทราจีนใช้รักษาแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก แผลเปื่อย โรคทางเดินอาหาร และแก้ไข้ได้ และในพุทราจีนจะมีสารเพกติน (Pectin) ซึ่งจะช่วยจับโลหะหนักที่ตกค้างในร่างกาย และช่วยลดคอเลสเตอรอลได้ ใบของพุทราจีนจะมีรสฝาด เพราะมีสารแทนนิน (Tannin) ในปริมาณที่สูง ซึ่งสามารรถใช้เป็นยาลดไข้ได้ ส่วนเนื้อในเมล็ดของพุทราจีนจะช่วยผ่อนคลายประสาท ทำให้นอนหลับสบาย พุทราจีน จัดได้ได้ว่าเป็นผลไม้ที่ดีต่อร่างกาย โดยเฉพาะผู้หญิง เพราะสามารถช่วยลดอาการปวดประจำเดือน และสำหรับใครที่ขี้หนาว มีอาการมือเท้าเย็น ก็สามารถช่วยให้การไหลเวียนของโลหิตดีขึ้นด้วย

สายพันธุ์ของพุทราจีนมีความสามารถทนต่ออุณหภูมิได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นอากาศร้อนหรือหนาว พบว่าในที่ที่มีอุณหภูมิ -32 องศาเซลเซียส ก็สามารถมีชีวิตอยู่ได้ แต่พุทราอินเดียทนต่ออากาศหนาวเย็นได้น้อยกว่า แต่ไม่ว่าจะเป็นพุทราชนิดใดก็ตามสามารถให้ผลผลิตได้ดี ไม่ว่าจะอยู่ในสภาวะอากาศแบบใด

ในปัจจุบันนักพฤกษศาสตร์ได้ใช้หลักฐานทางพันธุกรรมแสดงให้เห็นว่าพุทราอินเดียและพุทราจีนเป็นพืชชนิดเดียวกัน จึงมีการยุบรวม Ziziphus mauritiana Lam. ให้มาเป็นชื่อพ้องของ Ziziphus jujube Mill.