เมื่อโดนเจ้าตัวน้อย แผลงศรปักอก

“ฝน” หรือ พรพฤทธ์ ชมอินทร์ พนักงานบริษัท วัย 39 ปี เธอฝันอยากทำสิ่งดีๆ เพื่อสังคม จากชีวิตสาวออฟฟิศที่ต้องตื่นแต่เช้า คร่ำเคร่งกับงานข้อมูล ตัวเลข สถิติต่างๆ ก็เริ่มเปลี่ยนไป ชีวิตเริ่มมีความหมายมากขึ้น เมื่อนึกถึงเด็กหญิงตัวเล็กๆ ที่เธอจะต้องมาดูแล “ตอนแรกเข้ามาเฉพาะวันอาทิตย์ หลังๆ ก็มาทำทุกเสาร์-อาทิตย์ กิจกรรมที่ทำส่วนใหญ่คือ อุ้มน้อง พาเดินเล่น อาบน้ำ เช็ดตัว แต่งตัว ให้เขาพร้อมที่จะกลับเข้าไปนอน แต่ด้วยความที่น้องป่วยบ่อยมาก รับออกมาไม่ได้ เลยได้รับน้องอีกคนเลี้ยงควบคู่กันไป เป็นเด็กผู้หญิงอีก ซึ่งกำลังเริ่มหัดเดิน คือถ้าวันไหนน้องคนแรกไม่สบาย เราก็รับน้องคนนี้มาแทน ซึ่งเขาจะตัวเล็กมาก เพราะคลอดก่อนกำหนด เลยมีพัฒนาการช้ากว่าเด็กปกติ ตอนแรกๆ เราต้องทำความเข้าใจกับน้องนิดหนึ่ง เพราะน้องขี้แยมาก”

“กบ” หรือ ธนัช นฤพรพงศ์ สามีของเธอ“ตั้งแต่แต่งงานกันมา ผมจะเป็นฝ่ายสนับสนุน ผมดีใจที่ฝนเขาได้ทำงานที่อยากทำ ผมมีหน้าที่ขับรถมาส่งแค่นั้น แต่พอหลังๆ ก็…ขอเข้าไปดูน้องหน่อยสิ ผมว่าผมไปพลาดเจอน้องเข้าให้ (หัวเราะ) พอสบตาเขาแล้ว เราอยากอุ้มมาก น้องน่ารักมาก โดนใจเต็มๆ ตรงนั้นเลย “ผมว่าเหมือนเราเจออะไรบางอย่างที่ไม่เคยเจอ อย่างเพื่อนผมที่เขามีลูก เขาบอกว่าตอนอุ้มลูกครั้งแรกนั้น มันมหัศจรรย์ที่สุดในชีวิตแล้ว ซึ่งเราไม่เข้าใจเลย แต่พอเรามาอุ้มเด็กคนนี้ ผมว่าคงเป็นความรู้สึกที่ใกล้เคียงกันมากๆ นะ อย่างเคยป่วยเป็นหวัดตอนวันศุกร์ วันเสาร์มาเลี้ยงน้องไม่ได้ นอนซมอยู่บ้านเลยว่าใครก็ไม่ได้เพราะเป็นเงื่อนไขของตัวเราเอง ตอนนี้จึงห้ามป่วย เพราะกลัวไม่ได้มาเลี้ยงน้อง”

มากกว่า ‘รัก’ ที่ได้ จาก ‘ใจ’ ที่ให้
พี่กบ “เมื่อเราดูแลใส่ใจเด็ก เราจะอ่อนโยนไปเองโดยอัตโนมัติ คือในขณะที่เราพยายามจะให้เขามีพัฒนาการที่ดี เขาก็ช่วยขัดเกลาให้เราอ่อนโยนในเวลาเดียวกันด้วย “ช่วงเวลาที่มาทำตรงนี้ ผมได้เรียนรู้เรื่องเด็กเยอะมาก ได้เห็นพัฒนาการเด็ก ตั้งแต่เล็กๆ 3-4 เดือน แล้วที่นี่บังคับให้เราเขียนบันทึกทุกครั้ง ว่าเราเลี้ยงน้อง ในสัปดาห์นี้ อารมณ์น้องเป็นยังไง พัฒนาการน้องเป็นยังไง เราก็จะรู้พัฒนาการน้องตลอด ตั้งแต่อาทิตย์นี้เริ่มคว่ำ ต่อไปเริ่มคืบ คลาน พูดคำแรก กลายเป็นเราเรียนรู้เด็กโดยอัตโนมัติเลย พอเทียบเคียงกับตำราก็จะรู้ว่า อ๋อ ตอนนี้เราก็รู้เรื่องเด็กพอสมควรแล้ว คือเหมือนเราโตไปกับเขานะ”

พี่ฝน “ตอนแรกที่มาทำก็ไม่ได้คิดอะไรมากนัก แต่ว่าพอทำไปแล้วเราก็เห็นว่า เด็กคนหนึ่งก็เป็นเหมือนเครื่องจักรกลอันหนึ่งในสังคม ถ้าเราทำตัวนี้ให้ดี ก็จะมีจิกซอว์ส่วนที่ดีเพิ่มขึ้นมาในสังคม อย่างน้อยๆ ก็อยากให้เขามีประสบการณ์ในวัยเด็กที่ดี ว่ามีคนรัก มีคนให้ความอบอุ่นเขา เพราะเด็กที่มีจิตใจที่ดีต่อไปเขาก็จะเติบโตอย่างเข้มแข็ง เราก็อยากทำตรงนี้เท่าที่ทำได้

บทความที่เกี่ยวข้อง

ของขวัญปีใหม่ ด้วยใจอาสา

admin 19 มิถุนายน 2019

ดูรายละเอียด การสมัครเป็นอาสาสร้างสุขให้เด็กในสถานสงเคร […]

ทศวรรษฉลาดทำบุญ กับคุณค่าต่อสังคม

admin 19 มิถุนายน 2019

งาน 10 ปี โลก(จิต)อาสา : ทศวรรษฉลาดทำบุญกับคุณค่าต่อสัง […]