แนะผลไม้สมุนไพร อาหารกันปากเปื่อย

แพทย์เตือน พ่อแม่ผู้ปกครองที่มีลูกหลานอยู่ในวัยสุ่มเสี่ยงติดโรคมือเท้าปากต้องระวังตัว แนะรักษาความสะอาด หลีกเลี่ยงชุมชน รู้จักกินอาหารต้านโรค ชูก๋วยเตี๋ยวเรือ พะโล้ที่มีโป๊ยกั๊กเป็นตัวชูรส ถือว่าสุดยอด เพราะสมุนไพรดังกล่าวต้านไวรัสได้ดี รวมถึงหวัด 2009 นอกจากนี้ก็มีกระเทียม ขมิ้นชัน เห็ดหลินจือ เห็ดหอม หัวหอม รำข้าวโอ๊ต องุ่น ส้มและเสาวรส

นายแพทย์กฤษดา ศิรามพุช ผู้อำนวยการศูนย์เวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคมือเท้าปากที่ทำให้เด็กไทยป่วยเป็นจำนวนมากอยู่ในขณะนี้ นอกจากจะต้องระมัดระวังในตัวเด็กแล้ว พ่อแม่ผู้ปกครองที่มีบุตรหลานอยู่ในวัยสุ่มเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคดังกล่าวยังอยู่ในภาวะน่าเป็นห่วงอีกด้วย อย่างไรก็ตาม แม้จะยังไม่มียารักษาโดยตรง แต่ในเบื้องต้นก็สามารถหาทางป้องกันไว้เป็นดีที่สุด เพราะการแห่ไปโรงพยาบาลกันมากๆ อาจต้องเผชิญกับแหล่งรวมเชื้อ ดีไม่ดีอาจจะมีอาการหนักกว่าเดิม

สำหรับแนวทางป้องกันนั้น นพ.กฤษดากล่าวว่า ขอแนะนำให้เน้นความสะอาด เพราะโรคดังกล่าวติดจากการสัมผัสกันมากที่สุด โดยเฉพาะในกิจกรรมที่มักทำร่วมกันเป็นประจำ คือ การจับราวบันได ใช้ลิฟต์ร่วมกัน เล่นของชิ้นเดียวกัน ฯลฯ กิจกรรมเหล่านี้หากมีการแพร่กระจายของเชื้อเร็วขึ้น ก็เป็นที่น่ากังวลว่ามันอาจจะพัฒนาเชื้อจนแข็งแรงและระบาดลามถึงกลุ่มผู้ใหญ่ได้ ดังนั้นในการป้องกันการสัมผัสจึงเป็นเรื่องจำเป็นมาก เพราะหากป้องกันได้จะไม่ใช่ช่วยลดแค่โรคเดียว หากแต่ช่วยลดโรคที่มากับสัมผัสดังต่อไปนี้ได้ด้วย คือ ไข้หวัด 2009 อีสุกอีใส เริมและงูสวัด ไวรัสตับอักเสบเอและบี ท้องเสีย ติดเชื้อทางเดินอาหาร ตุ่มหนองผิวหนัง ตาแดง

นพ.กฤษดากล่าวว่า สิ่งที่ป้องกันได้อีกทางที่ดีคือ การสร้างภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงด้วยการรับประทานอาหารที่มีส่วนช่วย โดยขอแนะนำก๋วยเตี๋ยวเรือ หรือพะโล้ ที่มีโป๊ยกั๊กเป็นส่วนประกอบ เพราะโป๊ยกั๊กเป็นสมุนไพรไล่ไวรัสตัวฉกาจ มีงานวิจัยจากมหาวิทยาลัยไฮเดลเบิร์กในเยอรมนี ระบุไว้ชัดเจนว่า ช่วยสกัดการแบ่งตัวของเชื้อไวรัสเริม นอกจากนั้นสารสำคัญอย่างกรด “ชิคิมิก (Shikimic acid)” ที่สกัดได้ยังนำมาใช่ตั้งต้นในการผลิตยาต้านไวรัสไข้หวัด 2009 ที่ชื่อ “โอลเซตามิเวียร์ (Oseltamivir)” ได้

“สำหรับท่านที่ปรารถนาอยากทานอย่างอื่นบ้างที่อร่อยด้วยและช่วยป้องกันได้ ก็ขออนุญาตนำเสนออีก 8 เมนูป้องกันไวรัสสไตล์อายุรวัฒน์ คือ ขมิ้นชัน มีสารสำคัญคือ “เคอคิวมินอยด์ (Curcuminoids)” ช่วยลดการอักเสบ ต้านการติดเชื้อ เป็นเสมือนยาปฏิชีวนะจากธรรมชาติ อาจทานเป็นเม็ดอาหารเสริมหรือแบบสดก็ได้ มีทั้งในแกงเหลือง, ผัดผงกะหรี่, ขนมจีนน้ำยาหรือว่าคั่วกลิ้ง ก็แซบก็ร่อยกันได้ทุกภาค ช่วยให้ไกลจากไวรัสได้ดี เห็ดหลินจือ มีหลายสี แต่สีที่ถือกันว่ามีวิตามินเสริมภูมิดีคือ “สีแดง” คนญี่ปุ่นนิยมมาก มีฟาร์มเพาะเห็ดกันเป็นล่ำเป็นสัน โดยหั่นตอไม้เป็นแว่นใหญ่ให้เห็ดได้งอก โดยสารสกัดจาก “กาโนเดอมา (Ganoderma)” ถือเป็นตัวสำคัญ การรับประทานเห็ดหลินจือที่สะดวกคือในรูปอาหารเสริม”
นพ.กฤษดากล่าวว่า เห็ดหอม หรือเห็ดชิตาเกะ (Shitake) มีสารสำคัญคือ “เล็นติแนน (Lentinan)” ช่วยเพิ่มเม็ดเลือดขาวในเลือด เสริมภูมิคุ้มกันในการสู้โรคภัยไข้เจ็บ โดยมีการผลิตยาที่เป็นลูกผสมระหว่างเห็ดหลินจือและเห็ดหอม เพื่อช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันในผู้ป่วย รวมถึงรักษามะเร็งได้ เพราะมีสารออกฤทธิ์ต้านมะเร็ง (Anti-tumor agent) ปัจจุบันมีการสกัดออกมาแล้ว กระเทียม มีสารประกอบสำคัญเป็นกลุ่มกำมะถันที่มีชื่อว่า “ไดอัลลิล ซัลไฟด์ (Diallyl dsulfide)” ซึ่งเมื่อกระเทียมถูกบดจะได้เป็นเคมีที่ออกฤทธิ์ดีกว่าคือ “อัลลิซิน (Allicin)” เป็นตัวสำคัญที่ช่วยไล่เชื้อโรค ดังนั้นการกินที่ดีควรกินกระเทียมบดหรือเคี้ยวให้ละเอียด

หัวหอม จะหอมแดงหรือหอมใหญ่ได้ทั้งสิ้น การกินจะช่วยให้ร่างกายได้สารสำคัญ ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันร่างกายได้จากสารแอนตี้ออกซิแดนต์กลุ่มซัลเฟอร์ และ “เคอซิทิน (Quercitin)” กินแล้วช่วยลดการอักเสบจากการติดเชื้อได้ รำข้าวโอ๊ต (Oat bran) เพราะมีสารช่วยเสริมภูมิ “เบต้า กลูแคน (Beta glucan)” สูง ส่วนอื่นของข้าวโอ๊ตก็มีสารนี้แต่น้อยกว่า ช่วยในการสร้างเซลล์ฆ่าเชื้อโดยธรรมชาติ (Natural killer cell) และเซลล์ภูมิคุ้มกันอื่นๆ ให้มีมากขึ้น

ส้มและเสาวรส มีสารกลุ่ม “ไบโอฟลาโวนอยด์ (Bioflavonoids)” สูง การกินสดหรือดื่มน้ำคั้นจะช่วยป้องกันการติดเชื้อได้ จากการที่มีทั้งวิตามินซีและสาร “เฮสเปอริดิน” ในปริมาณที่เข้มข้น ยังช่วยป้องกันเส้นเลือดจากริดสีดวงและเส้นเลือดขอดด้วย องุ่น โดยเฉพาะองุ่นสีดำเข้ม มีการศึกษาว่าน้ำองุ่นสดสามารถไล่ไวรัสจำพวกเริมและงูสวัดได้ อีกทั้งสารสกัดจากเมล็ดองุ่นยังมีฤทธิ์ต้านการอักเสบและติดเชื้อตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย ช่วยให้ผิวพรรณสดใสขึ้นได้

นพ.กฤษดาย้ำว่า แม้จะมีอาหารต้านไวรัสตามที่แนะนำแล้ว แต่สุดท้ายก็ขอให้ทุกท่านอย่าลืมว่าการจะพาตัวหนีห่างจากไวรัสอันตรายที่ได้จากการสัมผัสนั้นก็คือหลัก “สะอาด” โดยเฉพาะการล้างมือให้ดี หนีจากที่ติดเชื้อ และไม่เบื่อออกกำลังกาย ส่วนใหญ่แล้วเชื้อพวกนี้ก็เหมือนคนที่ชอบสังคม คือชอบอยู่ในที่คนเยอะๆ มีคนพลุกพล่านเป็นชุมนุมชนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนอนุบาล, สถานเลี้ยงเด็ก, ตลาดสด, โรงหนัง, รถสาธารณะ หรือว่าจะตาม “บ้านบอล” เครื่องเล่นของเด็กๆ ก็ต้องเช็กให้ดี.

ที่มา : ไทยโพสต์ออนไลน์

บทความที่เกี่ยวข้อง