คนไทยเห่อบริโภค ควินัว-เมล็ดเชีย

ผศ.อาณดี นิติธรรมยง อาจารย์ประจำสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ขณะนี้ในประเทศไทยกำลังเกิดกระแสนิยมในการรับประทาน ควินัว และ เมล็ดเชีย ซึ่งที่จริงแล้ว พืชทั้ง 2 ชนิด ถือเป็นอาหารโบราณที่มีการรับประทานกันมานาน แต่ไม่ใช่พืชเขตร้อนที่พบในแถบประเทศไทย ส่วนใหญ่จะพบทางอเมริกาใต้ และอเมริกาเหนือ โดยกระแสการแห่รับประทานพืชทั้ง 2 ชนิดเกิดจากการที่คนหันมาสนใจเรื่องการดูแลสุขภาพมากขึ้น จึงมีการค้นคว้าหาพืชที่มีประโยชน์ โดยดูจากวิถีชีวิตของคนสมัยก่อนที่พบโรคไม่ติดต่อเรื้อรังน้อยและส่วนใหญ่มีสุขภาพดี

ดังนั้นจึงสนใจเมล็ดพืชพื้นฐานที่คนยุคก่อนรับประทานเป็นอาหารและมีข้อมูลที่ดีกับสุขภาพเช่นควินัว และเมล็ดเชีย ทั้งนี้องค์ประกอบของพืชทั้ง 2 ชนิด จะที่มี โปรตีน คาร์โบไฮเดรต วิตามิน แร่ธาตุ และสารต้นอนุมูลอิสระ แต่จริงๆแล้วก็ไม่ได้ต่างจากธัญพืชของประเทศไทย ที่มีสารอาหารคล้ายกัน เช่น ธัญพืชหลากสี ข้าวไรซ์เบอรี่ ลูกเดือย ถั่วแดง ถั่วดำ เป็นต้น แต่ที่คนไทยสนใจ ควินัว และเมล็ดเชีย เพราะมีการวิจัยคุณค่าทางโภชนาการเรื่องสารอาหาร แต่ส่วนใหญ่ธัญพืชของไทยยังไม่มีการทำวิจัย

“ ควินัว และเมล็ดเชีย ไม่ใช่พืชที่โดดเด่นมาก บ้านเราระยะหลังก็มีความสนใจ เรื่องธัญพืชมากขึ้น มีการนำธัญพืชหลากสี มารับประทาน ก็ถือเป็นอาหารที่ให้สารอาหารไม่แตกต่างกัน กับ ควินัว และเมล็ดเชีย และทั้ง 2 ชนิด ก็ไม่ได้โดดเด่น และไม่ได้พิเศษกว่าธัญพืชของไทย จนเราต้องหันไปรับประทาน สำหรับพืชของไทย เช่น ลูกเดือย และธัญพืชต่างๆ ที่คนไทยยังไม่นิยมรับประทานมากนั้น เพราะยังไม่เคยทำวิจัยเทียบเคียงธัญพืชต่างๆ ที่มีในประเทศไทย กับ ควินัว และเมล็ดเชีย เนื่องจากยังไม่จำเป็นถึงขั้นต้องรับประทาน ควินัว และเมล็ดเชีย ทดแทนธัญพืชต่างๆที่มีในไทย” ผศ.อาณดี กล่าว

ผศ.อาณดี กล่าวอีกว่า ไม่จำเป็นต้องไปตื่นตัวตามกระแส และหลักสำคัญในการรับประทานอาหาร คือไม่ควรไปคิดว่าจะมีพืชหรืออาหารชนิดเดียวที่จะสามารถเป็นยาครอบจักรวาล แต่ควรเลือกรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และหลากชนิด เพราะนอกจากจะให้ประโยชน์ทางแง่โภชนาการและสร้างสารต้านอนุมูลอิสระ ก็ยังจะช่วยลดความเสี่ยงจากสารตกค้างจากอาหารบางชนิดได้อีกด้วย จริงๆทั้งควินัว และเมล็ดเชีย หากอยากทดลองรับประทานก็สามารถทานได้แต่ไม่มีความจำเป็นต้องซื้อรับประทานทุกวัน เพราะมันมีราคาสูง

ที่มา : มติชนออนไลน์ http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1441790094&grpid=03&catid=09

บทความที่เกี่ยวข้อง