นาโนเทควิจัยแผ่นแปะสิวจากเปลือกมังคุด

หากเลือกได้ ใครก็อยากเกิดมามีผิวหน้าสวยใสไร้สิว ไร้ริ้วรอย และจุดด่างดำ ไม่ว่าเพศหญิง ชาย หรือว่าเพศที่เลือกเอง แต่ใช่ว่าทุกคนจะสมหวัง เพราะบางคนยอมเสียเงินมหาศาลแต่ก็ยังไม่สามารถแลกได้กับใบหน้าแบบไร้ที่ติ

เห็นได้จากผลวิเคราะห์ของ ดร.พิกุลทอง ขอเพิ่มทรัพย์ และ ดร.สุวิมล สุรัสโม นักวิจัยจากศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ หรือนาโนเทค สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) พบว่าช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ตลาดผลิตภัณฑ์รักษาสิวมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง พ.ศ.2550 มีมูลค่าประมาณ 100 ล้านบาท อีก 2 ปีต่อมาเพิ่มเป็น 300 ล้านบาท ปัจจุบันพบว่าตลาดผลิตภัณฑ์รักษาสิวมีมูลค่าเพิ่มสูงถึง 1,000 ล้านบาท และมีแนวโน้มเพิ่มอย่างต่อเนื่องปีละ 8-10%

ผลิตภัณฑ์รักษาสิวซึ่งเป็นที่นิยมในท้องตลาดคือ ผลิตภัณฑ์แต้มสิวทั้งเนื้อเจลและเนื้อครีม 50% โฟมล้างหน้าขจัดสิว 40% แผ่นแปะสิว 2% และอื่นๆ อีก 8%

ดร.พิกุลทองผู้วิจัยบอกว่า จากตัวสถิติดังกล่าวจะเห็นว่าแผ่นแปะสิวยังไม่เป็นที่นิยมเพราะมีส่วนแบ่งการตลาดที่คิดเป็น 2% หรือ 20 ล้านบาท ซึ่งผู้ใช้เพียง 10% เท่านั้นที่ยอมรับสินค้าที่มีขายในท้องตลาด หลังจากทดสอบสมุนไพรหลายชนิด จึงพบว่าสารสกัดจากเปลืองมังคุด เป็นสารที่ออกฤทธิ์ในการยับยั้งเชื้อแบคทีเรียและลดการอักเสบของสิวได้ดีที่สุดชนิดหนึ่ง “แผ่นแปะรักษาสิวพัฒนาขึ้นโดยใช้เทคโนโลยีการปั่นเส้นใยไฟฟ้าสถิต (Electrospinning) ได้เส้นใยที่มีขนาดเล็ก 700 นาโนเมตร-2 ไมครอน ที่ขดกันยุ่งเหยิงอยู่ 3 ชั้น คือ เส้นใยสีเนื้อชั้นบนสุดที่ปรับสีให้เข้ากับทุกสีผิวได้ ชั้นกลางคือเส้นใยกักเก็บสารสกัดจากเปลือกมังคุดที่มีคุณสมบัติในการรักษาสิวจากธรรมชาติไว้ภายใน และเส้นใยกาวที่ยึดติดกับผิวหน้า ทำให้ได้แผ่นแปะที่มีความบางแนบผิวหนังได้สนิท คือบางเพียง 1 มิลลิเมตร”

“ซึ่งการขึ้นรูปจากเส้นใยทั้งแผ่น มีพื้นที่ผิวในการปลอดปล่อยสาระสำคัญที่มีฤทธิ์ในการรักษาสิวมากเมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์แผ่นแปะสิวทั่วไป รวมทั้งยังทำให้การไหลผ่านของสาระสำคัญเป็นไปอย่างรวดเร็ว จึงสามารถรักษาสิวและลดการอักเสบได้อย่างมีประสิทธิภาพ, ช่วยลดการสัมผัสของสิวกับสิ่งปนเปื้อนภายนอก ทำให้สิวหายเร็วขึ้น, มีรูพรุนระบายอากาศที่สม่ำเสมอ จึงไม่เกิดการอับชื้น และการใช้สารสำคัญที่สกัดจากเปลือกมังคุด สารสกัดจากธรรมชาติ จึงรักษาสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ และอ่อนโยนต่อผู้ใช้” ดร.พิกุลทองอธิบายถึงผลงานที่ร่วมปลุกปั้นกับ ดร.สุวิมล นานร่วม 1 ปี

จากคุณสมบัติดังกล่าว จึงสร้างจุดเด่น คือ ฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของสิว, ลดอาการอักเสบของสิว, บดบังรอยแดงของสิว, ลดการสัมผัสของสิวกับสิ่งปนเปื้อนภายนอกรวมถึงเครื่องสำอาง ซึ่งเป็นอีกสาเหตุของปัญหาสิว ออกฤทธิ์นาน 8 ชั่วโมง สิวหายภายใน 2 วัน และเนื่องจากใช้เส้นใยขนาดเล็ก จึงสามารถระบายอากาศได้ดี

นอกจากนี้ จากการที่มีสีเนื้อและมีความบาง จึงสามารถแต่งหน้าได้ทั้งที่เป็นสิว ที่สำคัญสามารถบรรเทาอาการได้ในตัวจะใช้ก่อนแต่งหน้าออกจากบ้าน หรือหลังอาบน้ำเสร็จก่อนเข้านอน เป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมที่เกิดจากมันสมองและความคิดสร้างสรรค์ของนักวิจัยไทยล้วนๆ

ขณะนี้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเป็นเพียงผลงานต้นแบบ รอนักธุรกิจหรือผู้สนใจลงทุนร่วมผลิตและจำหน่าย สร้างอีกทางเลือกให้แก่ผู้มีปัญหาผิวในประเทศไทยและประเทศสมาชิกอาเซียน

ที่มา : ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

บทความที่เกี่ยวข้อง