เครือข่ายสุขภาพทวงถาม คตร.โครงการ สสส.

เครือข่ายสุขภาพฯยื่นประธาน คตร. ทวงความคืบหน้าโครงการ สสส. เมื่อเวลา 10.00 น. ที่บริเวณด้านหน้าสำนักงานปลัดบัญชีกองทัพบก นางสุดใจ พรหมเกิด ผู้จัดการสถาบันสื่อสร้างสรรค์และวัฒนธรรมการอ่าน พร้อมด้วยนายธนากร คมกฤส ผู้ประสานงานเครือข่ายรณรงค์หยุดพนัน นำตัวแทนขบวนการสร้างเสริมสุขภาพภาคประชาชน (ขสช.) และตัวแทนเครือข่ายกว่า 30 คน เข้ายื่นจดหมายเปิดผนึกถึง พล.อ.ชาตอุดม ติตถะสิริ ประธานคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) เพื่อทวงถามความคืบหน้าโครงการที่ขอรับทุนสนับสนุนจาก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จำนวน 500 โครงการ โดยนางสุดใจ กล่าวว่า หลังจากคตร. ได้ตรวจสอบการดำเนินงานการใช้จ่ายงบประมาณสสส. และมีการการสั่งชะลอโครงการกว่า 500 โครงการอย่างไม่มีกำหนด ส่งผลกระทบกับภาคประชาชน องค์กรต่างๆ ที่รับงบสนับสนุนโครงการจากสสส. ทั้งในส่วนที่เป็นการเบิกจ่ายเงินงวดโครงการเดิมและโครงการที่เสนอเข้ามาใหม่ ทำให้หลายองค์กรเดือดร้อนอย่างหนัก ยุติกิจกรรมตามโครงการทั้งหมด บางองค์กรเริ่มลดเงินเดือนลดจำนวนคนทำงาน และมีบางส่วนได้เตรียมปิดองค์กร อย่างไรก็ตามองค์กรภาคประชาชนไม่ใช่หน่วยงานที่แสวงหากำไร หรือสะสมทุนจึงทำให้เกิดช่องว่างกลายเป็นปัญหาใหญ่ของคนทำงานเพื่อสังคมซึ่งสถานการณ์นี้ส่งผลให้ผู้ที่รับทุน เดือดร้อนไม่น้อยกว่า 5,000 คน และงานเพื่อสังคมที่ต้องหยุดชะงักไป ส่งผลกระทบกับเด็ก เยาวชน ผู้พิการ ผู้สูงอายุ ชุมชนต่างๆ และประชาชนอื่นๆ ที่ควรได้รับประโยชน์อีกจำนวนมาก โดยนางสุดใจ กล่าวอีกว่า เครือข่ายฯ ยืนหยัดในการต่อสู้เพื่อปกป้องหลักการปฏิรูประบบสุขภาพตลอดมา จึงขอแสดงจุดยื่นและมีข้อเรียกร้องต่อคตร. ดังนี้ 1.ตามที่เป็นข่าวว่า ขณะนี้คตร. ได้ผ่านโครงการไปแล้ว 20โครงการ จากจำนวนโครงการที่มีอยู่ 500 โครงการ วงเงินมากกว่า 1,900 ล้านบาทนั้น เครือข่ายฯ ขอทราบถึงปัญหาอุปสรรคและทิศทางในอนาคตกับจำนวนโครงการที่เหลือว่าจะใช้เวลาเท่าไรในการจัดการ และในเมื่อสสส. ได้แก้ไขระเบียบตามที่คตร. และกระทรวงสาธารณสุขแนะนำแล้ว ก็ควรให้สสส. กลับเข้าสู่สถานการณ์ปกติ ในการพิจารณาโครงการสสส. ด้วย 2.ทราบว่าในการนำเสนอโครงการทางสสส. ต้องกรอกข้อมูลในตารางที่ทางคตร. กำหนดไว้ ซึ่งการกรอกข้อมูลนี้ มีขั้นตอนที่สร้างความยุ่งยากและใช้เวลาพอสมควร เครือข่ายฯ จึงขอเสนอว่า โครงการที่คตร. ตรวจนั้น ภาคีพร้อมและยินดีให้ตรวจ แต่เบื้องต้นขอให้ดูจากเอกสารโครงการที่ได้รับอนุมัติทุนไปแล้ว และหากคตร. อยากจะซักถาม ภาคีทั้ง 500 โครงการก็พร้อมเข้าไปชี้แจงและตอบทุกคำถาม ซึ่งจะช่วยร่นระยะเวลาลงไปได้มาก และ 3.ตามบัญชาของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ระบุชัดให้เร่งการพิจารณาเพื่อให้สสส. กลับเข้าสู่การทำงานปกติ โดยเร็วนั้นเครือข่ายฯ จึงขอเรียกร้องให้คตร. มีคำสั่งที่เป็นรูปธรรมตามนโยบายนายกฯ โดยเร็วว่าจะแก้ไขปัญหานี้อย่างไร มีระยะเวลาเสร็จสิ้นเมื่อใด ทั้งนี้เครือข่ายฯ ทราบว่าโครงการที่ผ่านการพิจารณาของคตร. แล้ว ยังต้องไปผ่านการพิจารณาโดยกรรมการจากกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นตอนให้ยืดเยื้อและขัดแย้งกับบัญชาของนายกฯอย่างสิ้นเชิง เครือข่ายฯ จึงขอให้เร่งทบทวนและสร้างความชัดเจนโดยเร็ว เพื่อให้กรรมการกองทุนสสส. ได้ดำเนินการด้วยความถูกต้องและเหมาะสมตามระเบียบใหม่ที่แก้ไขแล้วต่อไป “จนถึงขณะนี้กลไกต่างๆ ยังล่าช้า และเมื่อคตร. พิจารณาเห็นชอบโครงการแล้ว ยังต้องส่งต่อให้คณะกรรมการที่กระทรวงสาธารณสุขแต่งตั้ง อีกไม่น้อยกว่า 3 อาทิตย์ ซึ่งสวนทางกับคำสั่งนายกฯ ที่ให้ปลดล็อคโครงการที่ภาคประชาชนรับทุนสนับสนุนจากสสส. และเร่งเดินหน้างานเพื่อสังคมโดยเร็ว” นางสุดใจ กล่าว ด้าน นายธนากร กล่าวว่า กรณีของโครงการรณรงค์หยุดพนัน ตอนนี้ได้หยุดกิจกรรมทั้งหมดลงแล้ว และในส่วนคนทำงานก็เตรียมตัวแยกย้ายกันไป หากไม่ได้รับอนุมัติให้ดำเนินโครงการต่อ ส่วนหนี้สินที่เกิดขึ้นในการสำรองจ่ายเพื่อทำกิจกรรมช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมา ยังไม่รู้ว่าจะได้คืนมาหรือไม่ ซึ่งกรณีนี้ถือเป็นตัวอย่างของคนอีกจำนวนมากที่มีความตั้งใจดี อยากทำงานเพื่อสังคม โดยขอรับทุนสนับสนุนจากสสส. แต่ต้องมาสะดุดหยุดลง อย่างไรก็ตามการตรวจสอบถือเป็นเรื่องที่ดี แต่กระบวนการที่เป็นอยู่ได้สร้างปัญหากับคนที่ไม่รู้อะไรด้วย ไม่เพียงเฉพาะกับคนทำงาน แต่กลุ่มเป้าหมายที่เป็นประชาชนในพื้นที่ต่างได้รับผลกระทบไปด้วย และแม้ว่าคตร. จะพิจารณาโครงการต่างๆ ไปบ้างแล้ว ก็เป็นจำนวนที่น้อยมาก ยิ่งต้องไปผ่านการพิจารณาจากกรรมการของกระทรวงสาธารณสุขอีกยิ่งทำให้โครงการช้าลงไปอีก และที่สำคัญกระบวนการนี้สวนทางกับที่นายกฯ ให้สัมภาษณ์ไว้อย่างสิ้นเชิงในการให้เร่งปลดล๊อคให้งานสสส. เดินต่อไปได้ “การที่คตร. ได้เข้ามาตรวจสอบโครงการต่างๆ ของสสส. ในช่วงที่ผ่านมา เชื่อว่าคตร. น่าจะเห็นข้ออ่อนในการดำเนินการต่างๆ พอสมควร ทางที่ดีหากคตร. สรุปบทเรียนเหล่านี้ให้สสส. นำไปปรับปรุงแก้ไขตามระเบียบที่สสส. ได้แก้ไขตามคำแนะนำของคตร. แล้วควรให้ทุกอย่างกลับสู่ระบบปกติ การล่าช้าต่างๆ ก็น่าจะผ่อนคลายลง แต่หากยังคงมีขั้นตอนที่สลับซ้อนอยู่เช่นนี้ คาดว่าจะสะสมผลกระทบที่มากขึ้นและจะส่งผลสะเทือนในวงกว้างต่อไป อยากให้รัฐบาลและประชาชนทั่วไปได้เข้าใจว่างานที่ภาคีสสส. ช่วยกันทำอยู่นี้ก็คืองานประชารัฐรูปแบบหนึ่งตามนโยบายของรัฐบาลเช่นกัน” นายธนากร กล่าว ที่มาภาพและข่าว : แนวหน้าออนไลน์ 29 ม.ค.2559

บทความที่เกี่ยวข้อง

ยธ.เล็งตั้ง คกก.รื้อ กม.สสส. 3 ประเด็น

admin 6 เมษายน 2019

วันที่ 11 เมษายน 2559 สำนักงานกิจการยุติธรรม กระทรวงยุต […]

เครือข่ายสุขภาพแถลงการณ์ค้านแก้ พ.ร.บ. “สสส.-สปสช.”

admin 6 เมษายน 2019

หลังจากมีกระแสข่าวว่านายกรัฐมนตรีสั่งการให้รัฐมนตรี 3 ก […]

ประธานบอร์ด สสส. ลงนามประกาศ แก้ปมประโยชน์ทับซ้อน

admin 6 เมษายน 2019

เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2559 พล.ร.อ. ณรงค์ พิพัฒนาศัย […]